hoparound.co

Apr 13, 20213 min

High on art in Paris เสพศิลป์พิพิธภัณฑ์ในกรุงปารีส

Updated: Dec 22, 2021

เสพศิลป์ in Paris

เค้าว่ากันว่า "you are what you eat" คุณเสพอะไรคุณก็เป็นแบบนั้น คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Paris จะเป็นถิ่นกำเนิดของความสวยความงามต่างๆมากมาย ทั้งที่ทรงคุณค่าอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และทรงมูลค่าอยู่ในตลาดของผู้บริโภค
 

 
เราอยากรู้ว่า Paris เสพอะไรกันเข้าไป ถึงมีการสร้างสรรค์อันเลอค่ากันมากมายขนาดนั้น เราเดาเอาเองว่านอกจากบาเก็ตต์ หอยทาก และฟัวกราส์แล้ว ศิลปะน่าจะเป็นสิ่งที่มีอณูฟุ้งอวลอยู่ทั่วเมือง จนทำให้ชาวปารีเซียงต้องรับมันเข้ากระแสเลือดไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว กระนั้น Paris ก็ยังมีแหล่งงานศิลปะให้เสพกันในโดสที่เข้มข้นขึ้นไปอีกในหลาก style หลาย level ว่ากันว่าทั้งเมืองมีรวมกันกว่า 130 มิวเซี่ยมเลยทีเดียว
 

 
วันนี้เราจะพาคุณ #hop ไปรับศิลปะเข้าเส้นกันให้จุใจกันที่ Musuem และ Gallery ใน Paris ที่เราเลือกมาแล้วว่าดี..ดี๊..ดี.. บอกใบ้ไว้นิดตั้งแต่ต้นเลยละกันว่า ถ้าเพื่อนๆ #hopsters สนใจจะเข้าชมที่ไหน ควรอย่างยิ่งที่จะจองออนไลน์ล่วงหน้า เพราะอาจต้องรอเป็นชั่วโมง หรือไม่ก็อดชม
 

 
ครั้งนี้เราใช้บัตร museum pass แบบ 4 วัน คุ้มมาก เพราะครอบคลุมกว่า 50 แห่งทั่วปารีสและรอบๆเลย บางที่ก็ไม่ต้องต่อแถวยาวๆนะ แล้วก็ประหยัดด้วย รายละเอียดการซื้อบัตร ตามลิงค์ไปเลย www.parismuseumpass.co

Musée du Louvre

(มิวเซ่ ดู ลูฟร์)
 

ที่สุดแห่งอภิมหามิวเซี่ยมของโลก ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นอกจากปิรามิดกระจกสุด iconic ด้านหน้าอาคาร และขนาดพื้นที่ที่ใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งกว่ามิวเซี่ยมใดๆในปฐพีแล้ว สิ่งที่จัดแสดงอยู่ในมิวเซี่ยมที่อายุกว่า 226 ปีแห่งนี้ยังมีมากกว่า 400,000 ชิ้น ทั้งวัตถุโบราณและงานศิลปะทุกแขนง
 

Location: https://goo.gl/maps/fqNkTUFfM8vca8Ui6

ว่ากันว่าถ้าเราเดินดูงานทุกชิ้น ติดต่อกันทุกวันๆละ 8 ชั่วโมง ใช้เวลา 3 เดือนก็ยังไม่น่าจะครบ และในปี 2018 Louvre ก็ได้ทำลายสถิติโลก โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดในรอบ 1 ปี (10.2 ล้านคน) หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัวเลขพุ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 25% ก็น่าจะมาจาก MV เพลง Apeshit ของ The Carters (Beyoncé และ Jay-Z) ที่ยกกองมาถ่ายทำกันที่นี่ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปิดกว้างให้วัฒนธรรมป๊อบในยุคปัจจุบันช่วยส่งเสริมงานศิลป์ระดับตำนานของโลก

ซุปเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ในบรรดางานศิลปะชิ้นสำคัญๆของโลกที่วางแสดงอยู่นับไม่ถ้วนในลูฟร์ น่าจะเป็นรูป Mona Lisa ต้นฉบับโดยฝีแปรงของ Leonardo da Vinci เพราะนางโดนรุมล้อมมากที่สุดมาทุกยุคทุกสมัย ชาวฝรั่งเศสเรียกรูปนี้ว่า La Joconde (ลา โจกนด์) แปลว่า นางผู้เป็นสุข
 

จริงๆแล้ว Mona Lisa ก็มีประวัติลึกลับน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นที่มาของรูป ใครคือผู้หญิงในรูปกันแน่ มาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้ยังไง (ทั้งที่เป็นงานของศิลปินชาวอิตาลี) รวมไปถึงการที่มีคนค้นพบภาพวาดที่มีลักษณะแทบจะเหมือนกันเป๊ะอีก 1 รูปและมีการพิสูจน์แล้วว่าทั้ง 2 รูปเป็นงานในยุคเดียวกันอีกต่างหาก

ปิรามิดแก้วที่เป็นอีกหนึ่ง Landmark ของ Paris นี้ออกแบบโดย I.M.Pei สถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ที่แรกๆก็ถูกต่อต้านอย่างมาก ทั้งตัวคนออกแบบและผลงานของเค้า แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์นั้นการเปิดรับย่อมให้ผลดีกว่าการปิดกั้นเสมอ


Palais de Tokyo

Musée D’art Moderne

(ปาเลส์ เดอ โตกิโย) และ (มูเซ่ ดาร์ท โมแดร์น)

“วังแห่งโตเกียว” ชื่ออาจจะชวนให้เดาว่าสถานที่แห่งนี้ต้องเป็นการร่วมมือกันระหว่างฝรั่งเศสและญี่ปุ่นแน่ๆเลย แท้ที่จริงแล้วชื่อนี้ได้มาจากชื่อถนนที่คั่นระหว่างอาคารแนว Art Deco แห่งนี้กับแม่น้ำ Seine ซึ่งแต่ก่อนถนนสายนี้มีชื่อว่า Quai de Tokio แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Avenue de New York
 

Location: https://goo.gl/maps/V4xdDenhC9G9FqjY6

ตึกสวยขนาดใหญ่แห่งนี้แบ่งเป็น 2 ปีก โดยปีกฝั่งตะวันออกเป็นทรัพย์สินของนครปารีส มีชื่อว่า Musée D’art Moderne จัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่ที่หมุนเวียนกันไป

ในโลกศิลปะคำว่า Modern Art นั้น หมายถึงงานศิลป์ที่สร้างขึ้นระหว่างปี 1860s-1960s น้าาา อย่าแปลตรงๆตัวแล้วคิดว่าเป็นงานยุคปัจจุบันล่ะ ถ้าเป็นงานศิลป์ยุคหลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบันจะใช้คำว่า Contemporary Art นะครับ

การจัดวางของมิวเซี่ยมนี้จะไม่หวือหวาเหมือนอีกฝั่ง เดินง่ายๆให้อารมณ์เป็นผู้ใหญ่กว่า

Palais de Tokyo

(ปาเลส์ เดอ โตกิโย)

อีกปีกของอาคาร (ปีกตะวันตก) นั้นเป็นของรัฐ บริหารจัดการภายใต้ชื่อ Palais de Tokyo/Site de création contemporaine ซึ่งปีกนี้จะฮิปและวัยรุ่นกว่ามาก (เหมาะกับวัยเรามากกว่าแหละ 555) ที่นี่คือมิวเซี่ยม Contemporary Art ที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส มีงาน conceptual installations มากมายที่ผลัดกันมาจัดแสดงในโซนต่างๆ และถ้าหากเลี่ยนงานอาร์ทก็ยังมีร้านหนังสือ/ของฝากให้ช้อปกันเพลิน และยังมีคาเฟ่/ร้านอาหารเท่ๆถึง 3 ร้าน ที่น่าสนใจคือมีผับที่ชื่อว่า The Yoyo ให้มาปาร์ตี้กันได้ด้วย แต่ต้องเช็คเวลากันดีๆก่อนนะ เพราะนางเปิดปิดไม่เป็นเวลา
 

Location: https://goo.gl/maps/V4xdDenhC9G9FqjY6

งานที่จัดแสดงอยู่ ธีมคือ "ลอยอยู่กลางอากาศ" โดย Tomás Saraceno: ON AIR

นี่ก็อีกงานที่เท่มาก ต้องต่อคิวเพื่อเราบุกเข้าไปในดงเส้นเคเบิ้ลที่ขึงเอาไว้กลางอากาศอย่างสวยงามตามแนว Abstract เมื่อได้เข้าไปแล้วจะจับต้องงานหรือจะถ่ายรูปก็ตามสบาย ถ้าเอานิ้วไปดีดเส้นสายเหล่านี้ก็จะเกิดเป็นเสียงดนตรีของแต่ละเส้นเลย

โซนนี้ว่าด้วยงานผ้าร่ม งานบอลลูนต่างๆ

ร้านหนังสือก็คือดีมากกกกกก มีหนังสือเป็นพันเป็นหมื่นเล่มที่เกี่ยวกับงานออกแบบทุกแขนงเลย ถุงผ้า ของเล็กๆก็มีนะ


Centre Pompidou

(ซองเทรอ ปอมปิดู)
 

พิพิธภัณฑ์ Modern Art ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ได้ชื่อมาจากประธานาธิบดี Georges Pompidou เพราะเริ่มก่อสร้างในสมัยของเขาในยุค 70s
 

Location: https://goo.gl/maps/GdLeDraLQvGPPtzD7

อาคารที่มีโฉมหน้าสะดุดตาแห่งนี้ถูกออกแบบตามคอนเส็ปต์ “Inside-Out” ที่เอาระบบท่อต่างๆที่ควรจะถูกซ่อนไว้ด้านในออกมาอวดลวดลายและสีสันอยู่ด้านนอก โดยพระเอกที่ถูกเอาออกมาโชว์อยู่ด้านหน้าตึกก็คงจะหนีไม่พ้นอุโมงค์บันไดเลื่อนที่พาดผ่านกลางอาคารจากมุมล่างซ้ายขึ้นไปจนถึงมุมบนขวาเลยทีเดียว เดาเอาเองว่าดีไซน์นี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับงานบันไดเลื่อนหน้าห้าง Central World ของเรา และรวมถึงตึก Fortune Town ที่แยกพระราม 9 ด้วย

Centre Pompidou สูง 10 ชั้น แบ่งเป็น 3 โซนใหญ่ๆ คือ 1) ห้องสมุดสาธารณะ 2) พิพิธภัณฑ์ Modern Art ที่มีพื้นที่เกือบ 20,000 ตารางเมตร และ 3) ศูนย์วิจัยดนตรีและการได้ยิน

ชิ้นงานระดับ Master Piece กว่า 100,000 ชิ้นที่จัดแสดงอยู่ภายในนั้นเดินดูได้หลายวันก็ยังไม่หมด ไม่ว่าจะเป็นเพ้นท์ติ้งชั้นครูของ Picasso, Mondrian, Matisse ฯลฯ หรืองานล้ำๆในยุคใหม่ขึ้นมาของ Andy Warhol, Yves Klein, Olafur Eliasson ฯลฯ กระทั่งงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ต่างๆโดย Philippe Starck, Alvar Aalto หรือ Jean Prouvé

Yves Klein, "ANT 76, Grande anthropophagie bleue

Jean Dubuffet Jardin d'Hiver

Yaacov Agam installation (1974)

นอกจากนี้ชั้นบนยังมีร้านอาหารวิวงาม "Restaurant Georges" และร้านขายหนังสือ/ของที่ระลึกเก๋ๆด้วย


Musée d'Orsay

(มิวเซ่ ดอร์เซย์)

จากสถานีรถไฟที่มีสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงามตามสไตล์ Beaux-Art (โบซารท์) อายุกว่า 120 ปี ที่เกือบจะถูกทำลายทิ้ง กลับกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์อันเลอค่าซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1986 และเน้นจัดแสดงงานศิลป์สัญชาติฝรั่งเศสเป็นหลัก
 

Location: https://goo.gl/maps/9R2kGGcWFsqcLyQP8

แต่เดิมนั้น มิวเซ่ ดอร์เซย์ ถูกวางตำแหน่งมาให้เติมเต็มช่องว่างระหว่าง Louvre ที่จัดแสดงงานระดับตำนานประวัติศาสตร์โลก และ Centre Pompidou ที่เน้นงานยุคใหม่ ที่นี่จึงเป็นที่เน้นงานศิลป์ในยุคกลางเก่ากลางใหม่ในช่วงปี 1848-1914 และเป็นแหล่งรวมผลงานแนว Impressionism และ Post-Impressionism ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หากใครชอบฝีแปรงที่ถ่ายทอดความงดงามชวนฝันของสีสันและแสงตกสะท้อนเช่นเดียวกับเรา รับรองว่าคุณจะต้องตกหลุมรักงานที่จัดแสดงอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน งาน master piece ของ ทั้ง Monet, Manet, Renoir, Cézanne, Seurat และ Van Gogh ต่างก็ถูกนำมาให้เราได้ยลโฉมเป็นบุญตากันที่นี่

เสน่ห์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ที่ความลงตัวในเรื่องของขนาดพื้นที่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป สถาปัตยกรรมอันทรงเสน่ห์ของตัวอาคาร และงานศิลป์ที่งดงามจนน้ำตาซึม

อ่อ! อีกอย่าง บนชั้น 5 ของที่นี่ยังมีมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่มีนาฬิกาขนาดยักษ์เป็นแบ็คกราวนด์เก๋ๆให้ด้วยนะ

นาฬิกาลวดลายวิจิตรขนาดยักษ์นั้นเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ของมิวเซี่ยมแห่งนี้ คงเพราะเคยเป็นสถานีรถไฟมาก่อน

เมื่อ Vincent van Gogh วาดรูปตัวเอง

เรามากินมื้อเที่ยงกันที่นี่ ...ร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์มี 2 ร้าน ในรูปคือ Restaurant du Musée d'Orsay และอีกที่ก็คือ Café Campana ที่ต่างก็มีอินทีเรียร์ที่ช่างเว่อร์วังอลังการ จนเราลืมสนใจรสชาติอาหารไปเลย


Musée de l'Orangerie

(มิวเซ่ เดอ ลอรองเจอรี่)

Orangerie แปลว่าโรงเรือนสำหรับปลูกต้นส้ม ซึ่งชื่อก็บอกตรงตัวเลยว่าก่อนที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ที่ใช้ในการปลูกต้นส้มมาก่อน

Location: https://goo.gl/maps/gfRarc3PBea8B9fc9

ไฮไลท์ของที่นี่คือห้องที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อจัดแสดงภาพวาดระดับตำนานในซีรี่ส์ “Nymphéas” (หรือ “Water Lilies” ในภาษาอังกฤษ) ของ Claude Monet ปรมาจารย์ศิลปะแนว Impressionism โดยเฉพาะ
 

มีผู้ที่ศึกษางานของ Monet กล่าวว่า สิ่งที่ Monet ระบายลงไปไม่ใช่แค่รูปดอกบัวในบึงเท่านั้น แต่เขาได้บันทึกการเต้นระบำของแสงลงไปในภาพผ่านฝีแปรงอัจริยะของเขา และเราก็เห็นด้วยตามนั้น

โปรเจ็คท์พิเศษนี้เริ่มต้นในปี 1922 เมื่อ Monet เสนอตัวบริจาคงานจิตรกรรมฝาผนังให้กับรัฐเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับการสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ปรึกษาให้กับการออกแบบพื้นที่จัดแสดงด้วยตัวเองโดยตั้งใจจะติดตั้งภาพเขียนแบบพาโนรามาลงบนผนังโค้งของผนังอาคารทรงรีและเน้นใช้แสงธรรมชาติซึ่ง Monet เชื่อว่าเหมาะกับการชมภาพวาดของเขามากที่สุด

แต่สุดท้ายฮีกลับหวงงานไม่ยอมปล่อยภาพของตัวเองออกมาให้ทีมงานติดตั้ง จนกระทั่งฮีเสียชีวิตลงเมื่อปลายปี 1926 ภาพบัวในบึงพาโนรามาโค้งขนาดใหญ่ทั้งหมด 8 ภาพ จึงได้ถูกนำมาติดตั้งให้สาธารณชนได้ชมที่นี่ในช่วงต้นปีถัดมา

ที่จริงแล้วภาพในซีรี่ส์ Nymphéas (นีมเฟอาส) นี้ เป็นภาพจิตรกรรมรูปบัวในสระที่บ้านของ Monet เอง ซึ่งเขาได้ใช้พู่กันบันทึกรูปดอกบัวและน้ำในสภาพแสงต่างๆไว้กว่า 250 ภาพลงบนผืนผ้าใบหลายขนาด และทั้ง 250 ภาพนี้ก็กระจายตัวอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วโลก
 

แต่ทั้ง 8 ภาพไซส์ใหญ่พิเศษที่ Musée de l'Orangerie แห่งนี้เป็นงานที่ Monet ดีไซน์มาให้เหมาะกับสถานที่จัดแสดงโดยเฉพาะ จึงน่าจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งในงานชิ้นโบว์แดงที่สุดของเขา และเราก็ไม่สามารถหาชมได้จากที่อื่น

ใช่ว่าที่ Orangerie จะมีแค่ผลงานของ Monet นะครับ มิวเซี่ยมแห่งนี้ยังมีงานที่สำคัญจากศิลปินชั้นครูท่านอื่นๆอีกมากมาย เช่น Henri Matisse, Amedeo Modigliani, Pablo Picasso, Pierre-Auguste Renoir, Henri Rousseau เป็นต้น รวมถึงงานจัดแสดงชั่วคราวของศิลปินจากอีกหลายยุคหลายประเทศที่สลับสับเปลี่ยนมาให้ชมกัน
 

ในรูปคืองานชุด “The Cruel Stories of Paula Rego” โดย Paula Rego ศิลปินชาวโปรตุเกส ที่ถูกนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการชั่วคราว ณ ตอนที่เราไป


Lafayette Anticipations

(ลาฟาเย็ตต์ อองติซิปาซิยง)

สร้างขึ้นโดยมูลนิธิของห้างดังอย่าง Galeries Lafayette เราสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นโลโก้ที่หน้าเว็ป เพราะมันช่างถูกจริตเราเหลือเกิน ที่นี่เป็นเหมือนมิวเซี่ยมเล็กๆแต่เท่มากๆ เน้นงาน contemporary art งานดีไซน์และแฟชั่น ตลอดจนงานสร้างสรรค์เชิงทดลองต่างๆจากศิลปินทั่วโลก
 

ค่าเข้า Exhibitions : free admission Events : from 5 to 15 €
 
เปิด 11:00–19:00 ทุกวันและปิดวันอังคาร
 

Location: https://goo.gl/maps/ramg8DG88oXqziWr5

งาน Contemporary Art ภายใน Lafayette Anticipations

ความดีงามที่เอ็กซ์ตร้าไปอีกก็คือที่นี่มีคาเฟ่เฮลตี้จากร้านมังสวิรัติชื่อดังอย่าง Wild and the Moon มาเปิดอยู่ด้วย

ส่วนทางออกอีกทางจะเป็นโซน Gift Shop เล็กๆ มีของที่ทั้งสวยดีไซน์เจ๋ง เก๋ เท่ น่ารักเยอะแยะไปหมดเลย ให้ทายซิว่าเสียเงินมั้ย 55555


Galerie Perrotin

(กาเลอรี่ แปร์โรตัง)

เป็นห้องแสดงงานศิลปะในย่าน Le Marais สุดฮิป ที่นี่เขาจะผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนงานของศิลปินดังๆระดับโลกมาโชว์ให้ดูฟรีกันตลอดทุกปี
 

ที่นี่เข้าฟรีนะ เปิด 11:00–19:00 ทุกวันและปิดเฉพาะวันจันทร์ อังคาร
 

Location:
 
https://goo.gl/maps/cJJ9r3BKQkfNgJoV8

ตอนที่เราไปกัน มรการจัดแสดงผลงานของ ELMGREEN & DRAGSET (เอ็ล์มกรีน แอนด์ แดรกเซ็ท) ใครนึกไม่ออกให้นึกถึงงาน Bangkok Art Binale เค้าก็มาตั้งผลงานสระของเขาที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะ งานของเค้าจะจำง่ายก็คือ ประติมากรรมจัดวางสระน้ำแนวตั้ง ซึ่งเค้าทั้งสองคนก็ได้สร้างการนำเสนองานศิลปะรูปแบบใหม่ที่จะให้ผู้ชมมีประสบการณ์ร่วมกับงานของเค้า


Gagosian Gallery

(กาโกเซี่ยน แกเลอรี่)
 

Gagosian เป็นเครือข่ายแกลอรี่ศิลปะที่มีอยู่ 17 สาขาทั่วโลก และปารีสก็เป็นหนึ่งในนั้น แกเลอรี่ Gagosian นั้นโฟกัสที่งานศิลปะสมัยใหม่ที่ค่อนข้าง conceptual และ progressive ถ้าใครเดินเล่นอยู่แถวๆสถานี Franklin D. Roosevelt บนถนน Avenue des Champs-Élysées ก็แวะเข้าไปเยี่ยมชมกันได้เลย ที่นี่มักจะมีงานล้ำๆให้ชมกันได้ฟรีๆเลยน้า
 

Location: https://goo.gl/maps/nrNn9NgEMxBwNyiV

ช่วงที่เราไปเป็นการ Exhibition ในชื่อ SEXE, RELIGION, POLITIQUE (เซ็กส์ ศาสนา และการเมือง) โดยศิลปินนามว่า Albert Oehlen


เป็นไงกันบ้างครับ เสพแล้วก็ save แรงบันดาลใจเอาไว้ในใจด้วยนะครับ อย่าลืมว่า you are what you eat หากเราเสพสิ่งที่สวยงาม เราก็จะกลายเป็นความสวยงามนั้น ใครจะไปรู้ว่างานศิลป์ที่คุณเสพเข้าไปในวันนี้ อาจจะกลายเป็นวัตถุดิบให้กับผลงานที่คุณสร้างขึ้นสักวันหนึ่งในอนาคตก็ได้ ขอบคุณที่ #hop ไปกับเราครับ

Facebook/Instagram: @hoparound.co

Youtube: @hoparound.co

Website www.hoparound.co

#LetsHoparoundPARIS #LetsHoparound #FondationLouisVuitton #Travel #Paris #Musuem #Gallery #ริวิวพิพิธภัณฑ์ในปารีส #เที่ยวปารีส #ที่เที่ยวปารีส #เที่ยวปารีสด้วยตัวเอง #ปารีส #หลุยส์วิตตอง #รวมพิพิธภัณฑ์ในปารีส #พิพิธภัณฑ์ #เที่ยวปารีสด้วยตัวเอง #GagosianGallery #LafayetteAnticipations #GaleriePerrotin #MuséedelOrangerie #MuséedOrsay #CentrePompidou #PalaisdeTokyo #MuséeDartModerne #MuséeduLouvre

    7540
    1