hoparound.co

Aug 24, 20216 min

PARIS CITY GUIDE เที่ยวปารีส

8 neighbourhoods to visit เที่ยว 8 ย่านชิคๆ คูลๆ ในปารีส

ใครๆก็รู้ว่า Paris นั้นขึ้นแท่นเป็นเมืองยอดนิยมที่สุดตลอดกาลเมืองหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนานจนบางคนอาจรู้สึกว่า Paris กลายเป็นเมืองแมสที่ใครๆก็ไปกัน ไม่เท่เท่าเมืองใหม่ๆ ไม่ชิคเท่าเมืองที่ไปยากๆ แต่เชื่อเราเถอะว่า Paris ได้ตำแหน่งนี้มาอย่างสมศักดิ์ศรีเพราะนางมีดีมากเหลือเกินจริงๆ (อ่อ... คำว่า “ชิค” นี่ก็ภาษาฝรั่งเศสนะ)

ทริปนี้เราจะพาคุณไป #hop ดู Paris ผ่าน 2 มุมมองที่ต่างกัน เพราะ 2 คนที่เดินทางไปด้วยกันนี้ คนหนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เมื่อ 10 ปีก่อนและอีกคนเพิ่งจะได้เปิดซิง Paris เป็นครั้งแรกแม้ว่าเราจะใช้เวลาซ่อกแซ่กอยู่ในปารีส 11 วันเต็มๆ เราก็ยังเที่ยวไม่ครบเล้ยยยย

ครั้งนี้เราใช้บริการการบินไทยและเราจ่ายเพียงค่าภาษี 6,xxx บาทเท่านั้น แต่ก็สามารถติดแฮชแทค #IflyThai #ThaiAirways ได้แบบไม่น้อยหน้าใคร ต้องขอบคุณพลังทวีในการสะสมไมล์ผ่านบัตรเครดิต THAI Amex Platinum Card ที่ทำให้เราสะสมไมล์ได้เร็วขึ้นผ่านการจับจ่ายซื้อของต่างๆในชีวิตประจำวัน และยิ่งถ้าซื้อตั๋วการบินไทยผ่านบัตรนี้ด้วยแล้วล่ะก็ เราจะได้ไมล์สะสมหลายเด้ง แถมแบ่งชำระ 0% ได้ 3 เดือนอีกต่างหาก

นอกจากหอไอเฟล มาการอง และกระเป๋าแบรนด์เนมที่ใครๆก็นึกถึงเมื่อพูดถึง Paris แล้ว ต้องบอกว่าเมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้คือแหล่งบ่มเพาะการสร้างสรรค์งานศิลปะ แฟชั่น อาหาร ดนตรี ปรัชญา ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เริ่ดหรูอย่างหน้าตายจนน่าหมั่นไส้ ถ้าเป็นคนชอบเดินดูเมือง ดูคน ดูร้าน ดูงานดีไซน์ไปเรื่อยคุณจะเอ็นจอย Paris มากๆ (โดยเฉพาะย่าน Le Marais ย่านโปรดของเรา)
 

หลายสิ่งด้านลบที่เราเคยได้ยินมาเกี่ยวกับปารีส ไม่ว่าคนไม่เฟรนด์ลี่ หรือขโมยเยอะ มาคราวนี้เราไม่เจอเลย คนปารีสส่วนใหญ่ nice กับเรามาก (ยกเว้นเจ้าหน้าที่ Tax Refund ที่สนามบินขากลับ) และถ้าเทียบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรารู้สึกว่าคนปารีสยุคนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นมาก และไม่พยายามทำหงุดหงิดแก้เขินเหมือนเมื่อก่อน

20 arrondissements
ผังเมือง Paris แบ่งง่ายๆเป็น 20 เขต (arrondissements) โดยวนเป็นก้นหอย เริ่มจากฝั่งขวาของแม่น้ำเซน (บริเวณที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ Louvre) แล้ววนตามเข็มนาฬิกาออกไปเรื่อยๆจาก 1 จนถึง 20

แต่สำหรับเราแล้ว วิธีที่ทำให้เห็นภาพรวมของ Paris ได้ง่ายกว่านั้นก็คือซีกตะวันตกของ Paris จะเป็นย่านพักอาศัยของคนมีเงินมาก และซีกตะวันออกเป็นย่านของคนมีเงินน้อย ส่วนซีกบนของ Paris (หรือฝั่งขวาของแม่น้ำเซน — La Rive Droite) จะเป็นย่านการค้า และซีกล่าง (หรือฝั่งซ้ายของแม่น้ำเซน — La Rive Gauche) จะเป็นย่านของศิลปิน นักคิด นักเขียนและนักวิชาการ

การเดินทางใน Paris นั้นง่ายมาก

เพราะรถไฟใต้ดิน(Métro) เชื่อมต่อกันทั่วถึงทั้งเมือง และเชื่อมกับรถไฟออกไปถึงที่เที่ยวนอกเมืองอย่างพระราชวัง Verseille หรือ Euro Disney ด้วย ถ้าจะอยู่ใน Paris นานเป็นสัปดาห์อย่างเรา ขอแนะนำตั๋ว Navigo ที่มีทั้งตั๋วรายสัปดาห์และรายเดือนซึ่งคุ้มค่ามากๆ สามารถทำได้ตามจุดบริการของสถานี Métro ใหญ่ๆ แอบกระซิบหน่อยว่าต้องเตรียมรูปถ่ายไปติดบัตรด้วยนะ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมไป ตามสถานีก็มักมีตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติเอาไว้อำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว
 

ส่วนที่พัก เราเลือกพัก AirBnB แถวสถานี Grands Boulevards ตั้งอยู่ในเขต 2 ซึ่งสะดวกมากกกก มีสถานี Métro อยู่ปากซอยเลย แม้พื้นที่จะแคบไปหน่อยตามมาตรฐานยุโรป แต่ราคาก็ถือว่าเป็นมิตร แถมโฮสก็ดีด้วย ไปถึงวันแรกเค้าจัดดินเนอร์ให้เลย 1 มื้อ
 

พูดถึงอาหารการกิน ส่วนตัวแล้วปารีสเป็นเมืองที่หาอาหารอร่อยถูกปากค่อนข้างยาก และราคาค่อนข้างสูง แม้อาหารฝรั่งเศสจะมีชื่อก้องโลก แต่อาหารฝรั่งเศสที่อร่อยก็ไม่ได้หาได้จากร้านข้างทางทั่วไป บางร้านต้องจองล่วงหน้านานๆ ฉะนั้นถ้าอยากกินของดีทำการบ้านกันไปก่อนนะ
 

ส่วนถ้าใครติดกาแฟอย่างเรา คนที่นี่กินกาแฟค่อนข้างจืดนะ อาจจะหาถูกปากเหมือนบ้านเรายากนิดนึง แต่เราก็แอบบอกพิกัดไว้ในนี้แล้วล่ะว่ามีร้านไหนบ้างที่ขายกาแฟที่รสพอถูกปากเรา
 

อีกเรื่องคือ ภาษาฝรั่งเศส เป็นอะไรที่ออกเสียงยากสำหรับคนที่ไม่คุ้น หนึ่งในการออกเสียงที่เด่นชัดที่สุดคือการออกเสียงตัว r ซึ่งปกติก็จะเทียบเท่ากับตัว ร.เรือ ในภาษาไทย แต่ภาษาฝรั่งเศสจะออกเสียงตัวอักษรนี้ด้วยการเอาลมผ่านไปที่เพดานอ่อนของช่องปาก ประหนึ่งว่าจะขากถุย 5555 แต่ทำแบบซอฟท์ๆ เสียงที่ออกมาจะเป็นส่วนผสมของ ค.ควาย + ฮ.นกฮูก และเราเขียนออกมาเป็นภาษาไทยค่อนข้างยาก ถึงเขียนได้ก็อ่านยากอยู่ดี เช่น Paris = ปาคฮี หรือ Marais = มาคเฮ่ ดังนั้นเพื่อความสะดวกเราจึงขอเขียนแทนด้วย ร.เรือ ง่ายๆเลยละกันนะ
 

สุดท้ายก่อนจะไป #hop กัน ร้านใน Paris ส่วนใหญ่ปิดวันอาทิตย์นะ ถ้าวางแผนจะมาก็ลองเช็ควันเวลากันให้ดีคร้าบบบ
 

พวกแลนด์มาร์คและจุดช้อปปิ้งหลักๆอย่าง หอไอเฟล ถนน Champs-Élysées และห้างดังๆ เราขอข้ามไปเลยนะ น่าจะหาข้อมูลกันง่ายอยู่แล้ว เราพาไปดูอะไรที่ถูกจริตเรากันดีฝ่าาา
 
.
 
อ่ะถ้าพร้อมแล้วไปกัน Let’s Hop Around Paris...


1.La Rive Gauche (ลา รี้ฟ โก๊ช - เขต 5, 6 และ 7)
คำว่า Rive Gauche หมายถึงฝั่งซ้ายของแม่น้ำเซน

นั่นก็คือซีกล่าง ของ Paris นั่นเอง อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าฝั่งซ้ายของแม่น้ำนั้นเดิมทีเป็นย่านของศิลปิน นักคิด นักเขียน และนักวิชาการคนสำคัญๆของฝรั่งเศสและของโลก ที่นี่เป็นต้นตอของความเป็นขบถของปารีส เช่น การถือกำเนิดขึ้นของร้าน Yves Saint Laurent Rive Gauche เมื่อปี 1966 ที่เปลี่ยนขนบให้แบรนด์ Haute Couture หันมาทำเสื้อผ้า ready-to-wear เป็นครั้งแรกเพื่อให้เป็นที่จับต้องได้ของคนธรรมดามากขึ้น
 

 
ฝั่งนี้ของแม่น้ำจึงมีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ในบรรยากาศ แม้จะไม่พลุกพล่านอย่างอีกฝั่งของแม่น้ำ (ถ้าไม่นับบริเวณหอไอเฟลและพิพิธภัณฑ์ Musée D’orsay) แต่ร้านรวงที่อยู่ในละแวกนี้ต่างก็เป็นร้านที่ถูกคัดมาอย่างดีมากจริงๆ

Beaupassage

เริ่มจาก Beaupassage แหล่งรวมร้านอาหารติดดาวมิชลินรวมกันไว้ถึง 17 ดวง ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา

Location: https://goo.gl/maps/CFC37rBuxVNpLBZo8

อยู่ๆก็มีโดมใสเก๋ล้ำแปลกตาตั้งอยู่ในโครงการ Beaupassage

เรามาที่นี่ไม่ได้ตั้งใจมากินอาหารหรอกนะ แต่เรามาหากาแฟรสชาติถูกปากดื่มที่ร้าน %ARABICA หลังจากที่อดอยากมาหลายวัน (อย่างที่บอก.. กาแฟในปารีสส่วนใหญ่ไม่ถูกปากเลย) แถมได้โบนัสด้วยคือได้มุมถ่ายรูปสวยๆที่ปราศจากผู้คน

Location: https://goo.gl/maps/zGVyFnKb3KBfM2P7A

จาก Beaupassage เราเดินเล่นตามถนน Rue de Grenelle ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับช็อปใหญ่ของ Maison Margiela, Carven, Ami, Yohji Yamamoto รวมถึงแบรนด์เล็กๆแต่เก๋ๆอีกหลายแบรนด์ และร้านขนม ข้าวของกระจุกกระจิกน่ารักๆมากมาย ในรูปคือร้าน NOGLU ร้านอาหาร Gluten-free ที่ตกแต่งภายในได้โดดเด่นน่ารักมาก สามารถหาดูได้ใน Pinterest มีคนเอาไปลงไว้เยอะแยะเลย

NOGLU

Dalloyau (ดาลลัวโย)

เป็นร้านขนมและอาหารเก่าแก่ มีหลายสาขา แม้ตัวร้านจะไม่ใช่ร้านขนมแรกของปารีส แต่ต้นตระกูล Dalloyau นั้นปรุงอาหารถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มาตั้งแต่ปี 1682 เชียวนะ

AMI
AMI

(แปลว่า ‘เพื่อน’ แต่ดูจากราคาแล้วเพื่อนต้องรวยมากเหมือนกันนะ อิอิ) แบรนด์ที่เน้นเสื้อผ้าผู้ชายวัยรุ่นที่ดูสบาย แต่มีความเชิ่ดแบบปารีเซียงไปในเวลาเดียวกัน ถึง AMI จะมีเสื้อผ้าผู้หญิงด้วย แต่เค้าก็ยังใช้คำว่า “menswear for women” ก็คือเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงที่ inspired มาจากเสื้อผ้าผู้ชายอีกที เก๋ป่ะล่า
 

หลายคนอาจเคยเห็นโลโก้ตัว A ที่มีหัวใจอยู่ด้านบนของนางไปบ้าง และนางก็มีช็อปอยู่ญี่ปุ่น กะจีนด้วยนะ ก่อตั้งโดยดีไซเนอร์ Alexandre Mattiussi ดีไซเนอร์เสื้อผ้าผู้ชายคนแรกที่ชนะรางวัล ANDAM อันทรงเกียรติในแวดวงแฟชั่นฝรั่งเศส

Carven (คิดถึง....เค้าเคยมีช็อปในไทยด้วยนะ)

กระเป๋าน่ารักมากกก

Maison Margiela
Maison Margiela แบรนด์แฟชั่นลักชัวรี่สัญชาติฝรั่งเศส (อีกแบรนด์โปรดของเรา) ซึ่งแต่ผู้ก่อตั้งเป็นชาวเบลเยี่ยม

Martin Margiela อดีตมือขวาของ Jean Paul Gaultier ได้ตัดสินใจออกมาเปิดแบรนด์ของตัวเองในปี 1988 ผลงานของ Margiela นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด deconstructive ที่จับเอาชิ้นส่วนต่างๆของเสื้อผ้ามาแยกองค์ประกอบ ก่อนที่จะประกอบกันใหม่จนเกิดเป็นชิ้นงานที่ดูแปลกตา
 

เอาเข้าจริงๆคนที่นำแนวคิดนี้มาใช้เป็นคนแรกๆก็คือ Rei Kawakubo แห่ง Comme des Garçons นั่นเอง แต่สไตล์ของ Margiela ก็มีการสร้างอัตลักษณ์ให้ออกมาต่างจากแบรนด์คอนเส็ปต์ deconstructive อื่นๆ ที่ทั้งเรียบง่ายแต่ก็เป็นที่จดจำได้อย่างดี
 

อย่างเช่น การนำ Margiela numbers 0-23 ที่ใช้ในการแบ่งประเภทของสินค้าของแบรนด์ มาตกแต่งบนตัวสินค้าเลย โดยมีวงกลมล้อมรอบตัวเลขเพื่อบอกไว้ว่าสินค้าชิ้นนั้นอยู่ในแคทตากอรี่ไหน หรือจะเป็นการเดินด้ายหรือเชือกตรงมุมทั้ง 4 ของป้ายที่เป็นเอกลักษณ์ของ Margiela

Yohji Yamamoto

Le Bon Marché

เดินมาไม่ถึง 10 นาทีก็จะเจอห้างหรูอย่าง Le Bon Marché (Métro สถานี Sèvres–Babylone) ห้างนี้ความเป็นมาอย่างยาวนานมาตั้งแต่ปี 1838 หรือ 181 ปีที่แล้ว ในปัจจุบันได้กลายเป็นห้างทันสมัยและได้ถูกเครือแบรนด์หรูอย่าง LVMH เทคโอเว่อร์ไปเรียบร้อยแล้ว
 

Le Bon Marché นั้นคัดรวมเอามาทั้งแบรนด์หรูขึ้นหิ้งและแบรนด์นิชต่างๆที่หาได้ยากในห้างอื่น แม้ไม่ได้จะซื้ออะไร แค่เข้าไปดูการตกแต่งห้างก็คุ้มแล้ว อ่อ! ลืมบอกไปว่าทีเด็ดอีกอย่างของ Le Bon Marché ก็คือส่วนของ supermarket ที่มีชื่อว่า La Grande Epicerie de Paris โอยยย เดินเพลินเชียวแหละ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานของฝากต้องมา!
 

Location: https://goo.gl/maps/5mmuhKYDNRdPqvuj9

ต้นคริสต์มาสลอยได้ สงสัยได้แรงบันดาลใจมาจาก Hogwarts
Hermès

ที่อยู่ไม่ไกลจาก Le Bon Marché ก็คือ ร้านใหญ่ของ Hermès (เป็นร้านแรกในฝั่ง Rive Gauche หลังจากที่เปิดขายอยู่ที่อีกฝั่งแม่น้ำมากว่า 170 ปี) สาขานี้ตั้งอยู่ในอาคารที่แต่เดิมเคยเป็นสระว่ายน้ำยอดนิยมที่คนเก๋ๆในยุค 1930s นั้นไปแฮงเอ้าท์กัน การตกแต่งจึงดูโอ่อ่าสง่างามด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco เมื่อมาทำใหม่ Hermès จึงรื้อเอาเสน่ห์เดิมมาขัดสีฉวีวรรณแล้วก็เพิ่มงานไม้สมัยใหม่ลงไป ทำให้บรรยากาศโดยรวมนั้นดูหรูหรา ทว่าสบายๆไม่เก๊กเกร็งจนเขิน

Location: https://goo.gl/maps/EkYGcu6ccMaKEynJ7

Hermès
เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอ Aēsop สาขานี้เก๋อะ
Soeur

ถัดจากนั้นก็เข้าย่าน Saint-Germain-des-Prés ที่เป็นย่านวัยรุ่นและเข้าถึงง่ายขึ้นมาหน่อย ย่านนี้มีทั้งร้านเสื้อผ้ากระเป๋า เครื่องสำอางค์ เครื่องหอม ร้านหนังสือ รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ เก๋ไก๋มากมาย ในรูปคือร้าน Soeur (เซอร์ - แปลว่าพี่หรือน้องสาว) เป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงแสนเก๋ที่เราเคยเห็นผ่านตาใน IG
 

จริงๆในย่านนี้มีคาเฟ่โบราณที่โด่งดังในความขลังอย่าง Cafe de Flore หรือ Les Deux Magots (แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก) คือว่า สมัยก่อน 2 ร้านนี้เป็นเหมือนสภากาแฟของศิลปินและนักคิดนักเขียนระดับตำนานอย่าง Picasso หรือ Hemingway ซึ่งแวะเวียนมา 2 ร้านนี้กันบ่อยๆ

Maison Kitsuné

ในย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของ A.P.C. สาขาแรกในโลกบนถนน Rue Madame (ไม่เกี่ยวอะไรกะในรูปนะครับ 555) หรือจะเป็น Maison Kitsuné (อ่า อันนี้อยู่ในรูป), Sandro (มีของผู้ชายด้วยนะ สวยด้วยแหละ), COS ไปจนถึง Uniqlo และ Muji ก็มีให้เลือกซื้อกันตามใจชอบ
 

นอกจากนี้ยังมีร้านขนมปังเก่าแก่ที่โด่งดังเรื่อง Sourdough อย่างร้าน Poilâne หรือจะเป็นร้านขนมหวานชื่อดังอย่าง Pierre Hermé ที่เมื่อ 10 ปีก่อน เรามักมาแวะซื้อขนมก่อนไปโรงเรียนบ่อยๆก็มีสาขาที่นี่ด้วย

Le Pont Traversé
เรารำลึกความหลังด้วยการเดินผ่านร้านหนังสือของสำนักพิมพ์ Taschen ที่เมื่อ 10 ปีก่อนเราเคยเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเปิดขายอยู่ ใครเป็นแฟน Tashen ก็แวะมาได้เลย

แถวนี้ยังมีร้านหนังสือเจ๋งๆ ที่ดูรกแต่เท่อีกร้านชื่อ Le Pont Traversé ร้านนี้เทิร์นมาจากร้านขายเนื้อเก่าแก่ ถือว่าคี้ปคอนเซ็ปต์ความดิบได้ดีมาก
 

อีกหนึ่ง stop ที่อยากแนะนำคือร้าน skincare ชื่อ La Boté ที่ปรุงครีมและเซรั่มสดๆในแล็ปหน้าร้านเลย ก่อนปรุงจะมีการทำแบบสอบถามเพื่อหาสภาพผิวและปัญหาของลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ คือ personalise กันสุดๆ ที่สำคัญราคาก็ไม่แพงด้วยนะนี่เหมามา 3 ขวดถ้วน 5555
 

ฝั่ง Rive Gauche นี้ยังมียังมีย่านย่อยๆที่น่าสนใจอีกเยอะมากไม่ว่าจะเป็น Quartier Latin ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Sorbonne ที่เก่าแก่กว่า 200 ปี หรือจะเป็นสวน Jardin du Luxembourg เราละเอาไว้ให้ชาว #hopsters มาซ่อกแซ่กต่อกันเองแล้วกันเนอะ


2. Le Marais (เลอ มาเรส์ - เขต 3 และ 4)
Le Marais ถูกขนานนามว่าเป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดย่านหนึ่งในปารีส

จากเดิมที่เป็นที่ลุ่มไร้ค่า เฉอะแฉะไปด้วยโคลน Le Marais ผ่านความเปลี่ยนแปลงมามากมาย วันนี้นางเป็นย่านที่ผสมสผานความหลากหลายไว้อย่างน่าสนใจ เพราะ Le Marais เป็นทั้งย่านชาวยิว ย่านไชน่าทาวน์ขนาดย่อม(ในอดีต) ย่านเกย์ ย่านศิลปะสมัยใหม่ ย่านงานดีไซน์ และย่านการค้าที่เต็มไปด้วยร้านรวงฮิปๆที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วันถึงจะเดินครบ และเชื่อหรือไม่ว่า Nicolas Flamel ตัวละครที่ถูกยืมชื่อมาใช้ใน Harry Potter (เขาคือเป็นนักแปรธาตุผู้ลึกลับราวกับพ่อมดเมื่อเกือบ 700 ปีก่อน) ก็มีตัวตนอยู่จริงและบ้านของเขาก็ยังอยู่ที่นี่ใน Le Marais

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อ 10 ปีก่อน เราก็เช่าอพาร์ทเม้นท์อาศัยอยู่ในย่านนี้ ทำให้เราคุ้นเคยเป็นพิเศษ ดังนั้นเราจึงพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ย่านนี้เป็น “ย่านโปรดที่สุดของเรา” เลยแหละ

เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อ เราขอพาคุณๆ #hop ไปที่ร้านต่างๆที่เราชอบ และเลือกมาแนะนำเลยแล้วกันเนอะ เรานั่ง Métro มาลงที่สถานี Filles du Calvaire ซึ่งอยู่ในโซน Haut Marais หรือมาเรส์ตอนบน ว่ากันว่าโซนนี้นั้นเป็นย่านดีไซน์ที่คูลที่สุดของปารีสกันเลยทีเดียว

บ้านเมืองแถว Le Marais
Yvon Lambert
ร้านหนังสือดีไซน์ Yvon Lambert

เป็นร้านแรกที่เราพา #hop มาชมใน Le Marais เราหมดเวลาไปเป็นชั่วโมงกับร้านนี้ร้านเดียว ส่วนใหญ่เป็นหนังสือและแมกกาซีนดีไซน์ที่โคตรเท่ หลายเล่มไม่เคยเห็นที่ไหนเลยเพราะเป็น collection ของทางร้านเอง บางเล่มก็ทำมือ เรางี้เลือกไม่ถูกเลย เอาเข้าจริงๆเราก็ไม่ได้เก็ตความหมายที่คนทำหนังสือต้องการจะสื่อมากหรอกนะ แต่เรารู้แค่ว่าอันนั้นสวย อันนี้ชอบ ซึ่งก็ชอบเกือบหมด 5555

Location: https://goo.gl/maps/Mycw4PAWRN2BPpdX7

Papier Tigre
Papier Tigre

ร้านขายเครื่องเขียน Stationery สุดคิ้วววท์ ใครชอบเครื่องเขียนน่ารักๆ แนะนำให้มาร้านนี้เลย เราเห็นของน่ารักไม่ได้ เป็นต้องซื้อกลับบ้าน!! (ซื้อเยอะด้วย ฮาๆๆ)

Location: https://goo.gl/maps/wftDYnsUoASWeHzF9

Hello = Bonjour
Tom Greyhound Paris
Tom Greyhound Paris

เป็นร้าน select shop ชื่อดังที่มีสาขาแค่ที่ปารีสกับเกาหลีเท่านั้น บอกเลยว่าของครบมาก เลือกของมาได้ดีมากเรียกได้ว่าซื้อไปนี่รับรองไม่ซ้ำใครแน่นอน พนักงานก็เป็นกันเองช่วยเหลือสุดๆ (ช่วยให้เสียตังค์สิ ฮ่าๆ)

Location: https://goo.gl/maps/nwLHtVA5WmhnXc2w9

MHL.
MHL.

แบรนด์น้องของ Magaret Howell สัญชาติอังกฤษ ถ้าจะซื้อกระเป๋าผ้าที่นี่ไม่มีน้าาา เพราะกระเป๋าผ้าแบบที่ฮิตๆกันเป็นดีไซน์ที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น

Location:https://goo.gl/maps/agauRH6LcGfjxC9GA

Maison Standards

ร้านนี้เราชอบเป็นพิเศษ เพราะงานดี สไตล์ดี ราคาดี ดีไปหมดจริงๆ ช่วยด้วย! โดนร้านนี้ดูดเงิน! กางเกงยีนส์ประมาณ 80 euros เชิ้ตก็ประมาณ 65 euros

Location: https://goo.gl/maps/LGfD8nu7UVcC9GrM6

Lemaire
Lemaire

ร้านใหญ่แห่งเดียวในกรุงปารีส และที่สำคัญคือสวยสุขุมมาก ชอบมั่กๆๆๆๆๆๆ ไม่ยมกล้านตัว

Location: https://goo.gl/maps/vnVLDwtwdHA5vNji6

Boot Café
Boot Café

ร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้เป็นหนึ่งในใจเลย กาแฟอร่อยจริง อยากให้ไปลองกัน คำว่า "cordonnerie" หมายถึง ร้านซ่อมโรงเท้า พอเปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนป้าย แต่ดันใช้ชื่อใน Google Map ว่า Boot Café จะแนวไปไหนเนี่ย 555

Location: https://goo.gl/maps/W61sGVz2pfHeR5Sm7

Maison Kitsuné
Maison Kitsuné Paris

มาถึงเมืองต้นกำเนิดแล้วก็ต้องแวะซะหน่อย ร้านมีสองชั้น ไม่เล็กไม่ใหญ่ ไซส์พอให้หมาจิ้งจอกวิ่งเล่นในร้านได้ 5555

Location: https://goo.gl/maps/5hQT6Rp5zUfAjJ4q9

Editions MR
Editions MR

แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์เรียบหล่อของผู้ชายปารีเซียง ใครชอบเสื้อผ้าเนี้ยบ แต่ใส่แล้วดูสบายๆ ไม่เกร่อ ไม่เอะอะ แนะนำร้านนี้นะครับ

Location: https://goo.gl/maps/5Mun8TKcAjsES895A

Acne Studios
Acne Studios

เป็นอีกหนึ่งในแบรนด์โปรดที่เราชอบแวะเข้าไปดูทุกสาขาไม่ว่าจะไปเที่ยวเมืองอะไร ที่นี่ร้านสวยแต่พนักงานคนจีนพยายามขายไปหน่อยนะ

Location: https://goo.gl/maps/bLsnuGkeKu4v86Gf8

Merci
Merci

เป็นร้านรวมของใช้มีดีไซน์ในชีวิตประจำวัน เป็นร้านดังที่แน่นไปด้วยชาวฝรั่งเศสและนักท่องเที่ยว มีตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องครัว เครื่องเขียน ของใช้ต่างๆ แถมด้านหน้าก็เปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆด้วยนะ ของเยอะ น่าสนใจหลายอย่างแต่สุดท้ายแล้วเราแทบไม่ได้ซื้ออะไรกลับออกมาเลย ว้าาา

Location: https://goo.gl/maps/gqtSGt8EWbKEqhFN6

Archive 18.20
Archive 18.20

ร้าน Select Shop ที่เราชอบอีกร้าน เน้นงานดีไซน์และสินค้าที่ยูนี้คหาซื้อไม่ค่อยได้จากที่อื่น มีทั้งสินค้าแฟชั่น น้ำหอม แกลอรี่ และร้านกาแฟเล็กๆ ให้นั่งชิลกันทุกวันตั้งแต่ 11:00 - 19:00 กันเลย (แต่โซนคาเฟ่พนักงานดูงงนิดหน่อย 555)

Location: https://goo.gl/maps/94eSMTpNctQFQvkBA

ที่ปารีสเค้าซัพพอร์ทกลุ่ม LGBT สุดๆ ดูได้จากการตกแต่งตึกทั้งสองข้างทางแม้แต่ทางม้าลายก็เอา


 
นอกจากร้านค้าแล้ว ย่านนี้มีแกลอรี่/มิวเซี่ยมเด็ดๆน่าตามรอยไปด้วย ขอแนะนำ 2 ที่ก่อนนะ

Lafayette Anticipations
ที่แรกคือ Lafayette Anticipations

สร้างขึ้นโดยมูลนิธิของห้างดังอย่าง Galeries Lafayette เราสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นโลโก้ที่หน้าเว็ป เพราะมันช่างถูกจริตเราเหลือเกิน ที่นี่เป็นเหมือนมิวเซี่ยมเล็กๆแต่เท่มากๆ เน้นงาน contemporary art งานดีไซน์และแฟชั่น ตลอดจนงานสร้างสรรค์เชิงทดลองต่างๆจากศิลปินทั่วโลก ความดีงามที่เอ็กซ์ตร้าไปอีกก็คือที่นี่มีคาเฟ่เฮลตี้จากร้านมังสวิรัติชื่อดังอย่าง Wild and the Moon มาเปิดอยู่ด้วย โซน Gift Shop ก็มีของที่ทั้งสวย เก๋ เท่ น่ารักเยอะแยะไปหมดเลย ให้ทายซิว่าเสียเงินมั้ย 55555

ค่าเข้า Exhibitions : free admission Events : from 5 to 15 €

เปิด 11:00–19:00 ทุกวันและปิดวันอังคาร

Location: https://goo.gl/maps/ramg8DG88oXqziWr5

ด้านในแกลอรี่ก้มีขายของที่ระลึกด้วยนะ รวมไปถึงของดีไซน์ น้ำหอม เครื่องใช้ต่างๆ ที่เลือกมาขายที่นี่โดยเฉพาะ

Galerie Emmanuel Perrotin
ที่ต่อมาคือ Galerie Emmanuel Perrotin

เป็นห้องแสดงงานศิลปะที่จะผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนงานของศิลปินดังๆระดับโลกมาโชว์กันที่นี่ ตอนที่เราไปกันเป็นผลงานของ ELMGREEN & DRAGSET (เอ็ล์มกรีน แอนด์ แดรกเซ็ท) ใครนึกไม่ออกให้นึกถึงงาน Bangkok Art Binale เค้าก็มาตั้งผลงานสระของเขาที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะ งานของเค้าจะจำง่ายก็คือ ประติมากรรมจัดวางสระน้ำแนวตั้ง ซึ่งเค้าทั้งสองคนก็ได้สร้างการนำเสนองานศิลปะรูปแบบใหม่ที่จะให้ผู้ชมมีประสบการณ์ร่วมกับงานของเค้า

ที่นี่เข้าฟรีนะ เปิด 11:00–19:00 ทุกวันและปิดเฉพาะวันจันทร์ อังคาร

Location: https://goo.gl/maps/cJJ9r3BKQkfNgJoV8

Études Studio
เดินไปเรื่อยๆก็ผ่าน Études Studio

แบรนด์ดังสัญชาติฝรั่งเศส มีช็อปหลักแค่ที่นี่ที่เดียว (อาจจะมีตามราวแขวนในห้างบ้าง) แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เล็กมีทีมงานอยู่ในสตูดิโอไม่กี่คน แต่ความเท่นี่ดังไกลมากนะขอบอก

Location: https://goo.gl/maps/rVDN4K2vdXY5yNg98

Biglove
แล้วเราก็แวะกินร้านอาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้ชื่อ BIGLOVE

เห็นคนต่อแถวเยอะดี ขอเข้าไปลองดูหน่อยละกันเนอะโดยรวมเราว่าอร่อยดีนะ อาหารก็หน้าตาดี ไม่จืดเหมือนอาหารฝรั่งเศส ชอบบรรยากาศโดยรวมในร้าน รวมไปถึงพนักงาน ที่บริการดีมากกก

อย่างที่บอกเนอะ Le Marais มีดีอีกเยอะมาก เอามาอวด 3 วันก็ไม่ครบ ต้องไปดูกันเองน้าาาา
 


3. Rue Saint-Honoré (รู ซางต์ ตอนอเร่ - เขต 1 และ 8)
Rue Saint-Honoré (รู ซางต์ ตอนอเร่ - เขต 1 และ 8)

ถนน Saint-Honoré อยู่ในเขต 1 และเชื่อมต่อกับถนน Faubourg-Saint Honoré เข้าไปในเขต 8 (คำว่า “Faubourg” หมายถึง ถนนเส้นเดียวกันนี้ แต่ทะลุออกนอกเขตเมืองเก่าในสมัยยุคกลาง) ถนนสายนี้แทบจะขนานไปกับถนนชื่อดังอย่าง Champs-Élysées เลยทีเดียว
 

ที่นี่เป็นไฮเอ็นด์ช็อปปิ้งสตรีทที่ยาวเกือบ 2 กิโลเมตรใจกลางกรุง Paris เรียงรายไปด้วยร้านหลักของแบรนด์หรู แบรนด์สตรีทแฟชั่น และร้านขายจิวเวอรี่ นาฬิกาหายากทั้งมือหนึ่งและมือสอง ใครที่ตั้งใจมาช้อปแบรนด์เนม เดินเส้นนี้เส้นเดียวก็น่าจะได้เกือบครบ รวมถึงแบรนด์ Maison Goyard ที่มีสาขาน้อยมากด้วย คำเตือน ระวังจะสำลักความหรูหราและราคานะครับ
 

Getting there: Métro สถานี Concorde

Comme des Garçons

เริ่มต้นกันที่เวิ้งระหว่างอาคารที่ดูเหมือนทำเลจะไม่ค่อยดี เพราะหลบๆอยู่หลังตึก แต่กลับเป็นที่ตั้งของ Comme des Garçons สาขาใหญ่หนึ่งเดียวในปารีส และเป็นสาขาที่มีของครบมากไม่แพ้สาขาใหญ่ใน Aoyama ญี่ปุ่นเลย แถมพนักงานก็เป็นกันเองมาก ทำให้ไม่เกร็ง การจัดวางสินค้าก็ให้อารมณ์เหมือนเดินเข้าชมแกลอรี่เลย ครีเอทสุดๆ


 
Location: https://goo.gl/maps/8cv7h2P9qjU3BYtr5

Honor Café

เมื่อเราเดินออกมาก็จะเจอร้าน Honor Café เป็นร้านขายกาแฟ และขนม ซึ่งเค้าเคลมตัวเองว่าเป็น “Paris's first and only outdoor specialty coffee shop serving coffee that this city should be known for.” เหมือนจะแอบกัดปารีสเบาๆ ว่าเมืองเก๋ๆแบบนี้ เรื่องกาแฟก็ควรจะมีชื่อด้วยนะ


 
Location: https://goo.gl/maps/dr64zy3Lv8W3gSWf8

สำหรับเรากาแฟอร่อยดีนะ เข้มกำลังดี ไม่เหมือนกาแฟตามร้านทั่วไปในปารีส ที่จะมีรสชาติจืดๆ และพนักงานที่พูดอังกฤษสำเนียงบริทิชก็ทำให้ร้านดูคูลขึ้นอีกเป็นเท่าตัว อ่ะ! คอกาแฟแวะมากันได้เลย

"Coffee is a lot more than just a drink: it's something happening."

A.P.C. โผล่มาสวัสดีทุกย่านเลยยย A.P.C. สาขาเล็กๆ แต่ของไม่น้อยเลยน้าาา แต่เอาจริงๆในปารีสก็มี A.P.C. หลายสาขามาก ไปแวะสาขาอื่นวันหลังก็ได้

L’église de la Madeleine

เดินต่อไปตามถนนเรื่อยๆก็จะเจอร้านแบรนด์เนมมากมาย และจะไปเจอกับโบสถ์ลา มัดเลน (L’église de la Madeleine) อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในย่านนี้

น้ำหอม Diptyque ที่นี่ราคาดีน้าาา ขอคืนภาษีได้อีกต่างหากถัดมาเป็นร้าน WILD & THE MOONอาหารสุขภาพแสนเก๋ที่โด่งดังในหมู่คนเฮลธ์ตี้ (และคนที่อยากจะดูว่าเป็นคนเฮลธ์ตี้)

MARGARET HOWELL

MARGARET HOWELL แบรนด์ดังที่เน้นความเรียบง่าย (แต่ราคาไม่ง่ายเด้อ) จากเกาะอังกฤษก็แอบซ่อนตัวอยู่หลังร้าน Ralph Lauren
 
Location: https://goo.gl/maps/Qq9JbBheCQXJHYU6A

Louis Vuitton Maison Vendôme

Louis Vuitton Maison Vendôme ตกแต่งตัวอาคารได้ครีเอทีฟสุดๆ

ใกล้ ๆ กันกับถนนเส้นหลัก ก็จะเป็นที่ตั้งของ “พลาส ว็องดม” (Place Vendôme) จตุรัสกลางเมืองที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่จริงจะเรียกจตุรัสก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะลานแห่งนี้มีรูปร่าง 8 เหลี่ยม ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งเครื่องประดับเพชรพลอยหรูหราราคาสูงลิบเกินคาดเดา มีร้านเรียงรายกันหลายแบรนด์รอบจตุรัส
 

ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Hôtel Ritz Paris โรงแรมระดับตำนานของปารีสและของโลกด้วย เวลาเดินผ่านหน้าโรงแรมลองสังเกตดีๆอาจจะได้เห็นคนดังนะ อย่างเมื่อ 10 ปีก่อน เราเคยเจอ Usher ที่หน้าโรงแรม Ritz ด้วย

และที่ซอกตึกในจตุรัสนี้เองก็เป็นสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ Comme des Garçons ขอแอบส่องนิดนึงน้าาา

1LDK PARIS

1LDK PARIS เป็น concept store ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากประเทศญี่ปุ่น แนวเสื้อผ้าและเครื่องประดับของแบรนด์เน้นความเรียบง่ายแต่โดดเด่นและสวมใส่ได้ทุกวันกับแนวคิดที่ว่า “non-daily life in daily life” หรือแปลให้เข้าใจง่ายอีกหน่อยก็ประมาณว่า “ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา” อะไรเทือกๆนั้น


 
Location: https://goo.gl/maps/xX2s9L2ohiwigv4KA

Maison Goyard
BALENCIAGA
BYREDO
BYREDO flagship store แบรนด์น้ำหอมจากสวีเดน

สาขานี้พิเศษมากๆ เพราะออกแบบโดยสตูดิโอ M/M PARIS ชื่อดังของฝรั่งเศส โดยภายในมีถึงสองชั้น ไม่ได้มีแค่น้ำหอม แต่มีทั้งเทียนหอม สบู่ล้างมือ สบู่อาบน้ำ แฮนด์ครีม และที่สำคัญสาขานี้มีเครื่องหนังขายด้วยนะ ดีไซน์เรียบๆ น่ารักดี

Location: https://goo.gl/maps/tHs43vjfxLgU13ScA


4. Avenue Montaigne (อาเวอนูว์ มงเตญน์ - เขต 8)
ถ้ายังไม่หนำใจกับการช้อปปิ้งแบรนด์หรู ต้องมาที่นี่! Avenue Montaigne แยกมาจากถนน Champs-Élysées และทอดยาวไปจนถึงริมแม่น้ำเซน ในจุดที่สามารถเห็นวิวหอไอเฟลได้ลิบๆด้วย

ความแตกต่างระหว่างถนน Saint-Honoré กับถนน Avenue Montaigne ก็คือที่นี่ “แกรนด์” กว่า ร้านส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ และตกแต่งเรียบหรูกว่าสาขาในย่านอื่นๆ แต่คนกลับคนน้อยกว่า เราจินตนาการไปว่ากลุ่มลูกค้าหลักน่าจะเป็นกลุ่มคนดังและคนรวยที่มี lifestyle ดั่งภาพใน magazine
 

นอกจากนี้ ถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของ LVMH สำนักงานใหญ่ และออฟฟิศของ Dior อีกด้วย ร้าน Dior จึงดูโดดเด่น ร้านใหญ่ แยกเป็นหลายๆร้านติดๆกัน ราวกับจะประกาศตัวว่า “ที่นี่ถิ่นช้านนน”

DIOR Paris Montaigne

เราโชคดีที่ได้มา Paris ช่วงคริสต์มาสพอดี ว่ากันว่าไฟคริสต์มาสบนถนนสายนี้สวยที่สุด ดูอย่างต้นคริสมาสต์ที่มุมตึก Dior นี่ปะไร มันช่างเว่อร์วังพลังดิออร์ยิ่งนัก

Jil Sander

ที่ชอบเป็นการส่วนตัวอีกอย่างก็คือที่นี่มีช็อป Jil Sander แบรนด์โปรด (แม้ราคาจะแอบโหด) หนึ่งเดียวในปารีสอยู่ด้วย หลังจาก Jil Sander หดตัวให้เล็กลง และปิดร้านในไทยไป เราก็แอบคิดถึงอยู่เรื่อยๆ
 

Location: https://goo.gl/maps/9zwmEZHtAvtTKsQz7

เดินกันจนถึงค่ำ ชิลมากกก แค่ได้มาเดินดูการตกแต่งเหล่า Display window ของแต่ละแบรนด์ก็เพลินแล้ววว


5. Montmartre (มงมาร์ตร์ - เขต 18)
Montmartre (มงมาร์ตร์ - เขต 18)

ช่วงท้ายศตวรรษที่ 19 เมื่อค่าครองชีพในตัวเมืองชั้นใน Paris ขยับสูงขึ้น บรรดาจิตรกร และศิลปินชั้นครู ไม่ว่าจะเป็น โมเน่ต์ เรอนัวร์ มอนเดรียน ปิกัสโซ่ หรือแม้กระทั่งแวนโก๊ะห์ ต่างก็พากันย้ายสตูดิโอมารังสรร์งานศิลป์กันในย่านเนินเขาทางตอนเหนือของ Paris แห่งนี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นย่านศิลปะและย่านสถานบันเทิง (เช่น Moulin Rouge และ piano bars ต่างๆ) ที่มีคาแร็คเตอร์เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนย่านอื่น
 

Getting there: Metro สถานี Anvers (สาย 2) หรือ สถานี Abbesses หรือสถานี Château Rouge (สาย 12)

มีร้านอาหารให้พักขาก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังมหาวิหารซาเคร-เกอร์ ทำเลร้านนี้คือสุดจริง ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนเป๊ะ
 
Location: https://goo.gl/maps/BCMde9PySm5yuit59

หัวใจหลักของย่านนี้คือมหาวิหาร Sacré Coeur (ซาเคร-เกอร์) แหม แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น “หัวใจศักสิทธิ์” หลังสีขาวสง่า ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเนินเขามงมาร์ตร์ ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวยอดฮิตอีกจุดที่สามารถมองเห็นเมืองปารีสได้ทั้งเมือง แม้ต้องเดินขึ้นมาเหนื่อยหน่อย แต่วิวคือคุ้มมาก (ถ้าฟ้าเปิด) และคนก็จะเยอะมากเช่นกัน 5555
 
Location: https://goo.gl/maps/MRWoKBvh58susbj36

หลังจากชมมหาวิหารซาเคร-เกอร์แล้ว เราเลือกที่จะเดินลงอีกทาง เพื่อจะไปสนามบาสเก็ตบอลที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Playground Duperré สนามบาสเก็ตบอลสีสุดจัดจ้าน ทำให้ย่านนี้ดูสดใสขึ้นมาทันตา
 
Location: https://goo.gl/maps/UvJfiGk8ibyNY6vaA

Rose Bakery

Rose Bakery ร้านโปรดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

Rose Bakery
Rose Bakery
A.P.C. Surplus
อย่าบอกใครไปล่ะว่า ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังเนินเขามงมาร์ตร์ จะมีร้าน A.P.C. Surplus ซึ่งเป็นเสมือนเอ๊าท์เล็ตเล็กๆไว้คอยระบายของจากคอลเล็คชั่นก่อนๆในราคาพิเศษ ลด 40-60% ให้เราแวะเสียตังค์อีกด้วย

ซึ่งร้าน A.P.C. Surplus มีเพียงไม่กี่สาขาบนโลกนะ เช่น นิวยอร์ก ปารีส โตเกียว โอซาก้า บอกเลยว่าคุ้มมว้าก ใครผ่านมาอย่าลืมแวะนะ รับรองได้ของดีๆไปครอบครองอย่างแน่นวลลลล

Location: https://goo.gl/maps/EUyMDG8rHNwkutBT7


6. Canal Saint-Martin (กานาล ซางต์-มาร์ตัง - เขต 10)
ย่านอินดี้ริมคลองซางต์-มาร์ตัง ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากย่านหลักที่เต็มไปด้วยทัวริสต์ มาที่นี่ได้เลย

(แต่ถ้าเป็นช่วง high season ยังไงก็หลบทัวริสต์ไม่พ้นนะ) ที่นี่เป็นย่านสุดฮิปที่หนุ่มสาวชาวปารีเซียง นิยมออกมาปิคนิคและพบปะสังสรรค์ริมสองฝั่งคลอง โดดเด่นไปด้วยกราฟิตี้เท่ๆตามถนน มีบาร์และร้านอาหารเก๋ๆอยู่ในย่านนี้เยอะมาก ถ้ามากลางคืนก็จะได้บรรยากาศที่แตกต่างไป คนก็จะมาดินเนอร์กันทำให้คึกคักไปอีกแบบ

Getting there: Metro สถานี Jacques Bonsergent

Holybelly 5
ร้านแรกที่เรามากินอาหารเช้าเลยก็คือ Holybelly 5
 
“Where Good Coffee Meets Good Food”

ร้านนี้เป็นที่นิยมมากๆใน Paris ว่ากันว่าร้านเค้าได้รับแรงบันดาลใจจากคาเฟ่ของประเทศออสเตรเลีย บรรยากาศในร้านนี่ดู lively มาก โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานอย่างสนอกสนใจลูกค้าไป ฮัมเพลงไป และเพลงที่นี่ก็เลือกมาดีจริงๆ
 

 
มีพี่พนักงานคนไทยด้วย ใจดีมากเลย แนะนำทุกอย่าง แอบเม้าท์ว่าเจ้าของร้านใจดีมาก ชอบทำเซอร์ไพร้ซ์พนักงาน ช่วงคริสต์มาสก็แอบเอาเสื้อยืดที่สั่งผลิตพิเศษไปซ่อนไว้ใต้ต้นคริสต์มาสให้พนักงานทุกคน ที่สำคัญรสชาติอร่อยใช้ได้เลย ใครมาสายต้องต่อคิวยาวเลยแหละ
 

ร้านนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ 9:00–17:00

Location: https://goo.gl/maps/XNhcuu7m2KhvkFaz5

Holybelly 5
Holybelly 5
Bob's Juice Bar
Green Factory

Green Factory ร้านขายต้นไม้น่ารักมาก

Green Factory
Liberté

Liberté ร้านขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส

Liberté
Liberté
Drapeau Noir

Drapeau Noir
 
ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ดีไซน์ดี ราคาค่อนไปทางสูง เราเกือบเสียเงินไปแล้วววว
 
Location: https://goo.gl/maps/zbE52jffau1b4Vos7

Drapeau Noir

เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอคลอง St. Martin ที่เป็นโลเคชั่นถ่ายหนังหลายเรื่องเลย บรรยากาศแถวนี้ชิลมากกก แถมสองข้างทางก็มีร้านดีๆ เต็มไปหมดเลย

ชอบ Paris ตรงที่ ตรงไหนก็สามารถสร้างงานอาร์ตได้ ดูจากการเพ้นกำแพงลายต่างๆ ลายกราฟิตี้ยุ่งๆ ยังดูสวยเลยอะ


7. Palais Royal - Bourse (ปาเลส์รัวยาล - บูร์ส — เขต 1และ2 )

คนส่วนใหญ่แวะลงสถานี Palais Royal - Musée du Louvre เพื่อเดินลงต่อไปทางทิศใต้ไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ แต่คราวนี้เราขอละแลนด์มาร์คปีรามิดชื่อดังไว้ก่อน จึงพา #hop ไปทางทิศเหนือ ไปทางสถานี Bourse

Palais Royal เดิมที่เป็นที่พำนักของ Cardinal Richelieu ผู้ทรงอำนาจทั้งทางศาสนาและการเมืองในช่วง 1585-1642

ปัจจุบันแปลงสภาพกลายเป็นย่านร้านค้า และร้านอาหารมีระดับ หลายร้าน โดยเฉพาะร้าน Le Grand Véfour ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็น “grand restaurant” ร้านแรกในปารีส พร้อม 3 ดาวมิชลินการันตีความพรีเมี่ยม แม้แต่นโปเลียนก็ยังเคยเป็นแขกของที่นี่
 
Getting there: Metro สถานี Palais Royal Musée du Louvre สาย 1, 7

Café Kitsuné

Palais Royal เป็นที่หลบความวุ่นวายที่แสนเพอร์เฟ็คท์ จากนักท่องเที่ยวที่มักพลุกพล่านอยู่ทั่วไปในเขต 1 ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Café Kitsuné สำหรับแฟนๆของแบรนด์จิ้งจอก และเป็นอีกพิกัดสำหรับผู้โหยหารสชาติกาแฟที่ถูกปากเหมือนอย่างในแถบเอเชีย
 
Location: https://goo.gl/maps/EFXsUvWdUAUjxNU86

Café Kitsuné
Café Kitsuné

Palais Royal

สวนของ Palais Royal นั้นก็มีความ “iconic” อย่างมาก เพราะ เรียงรายไปด้วยต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม ยิ่งถ้ามาในช่วงหน้าร้อน เราก็จะเห็นพุ่มสี่เหลี่ยมสีเขียวเรียงกันเป็นแถวๆ เหมาะแก่การโพสท่าถ่ายรูปอย่างยิ่ง

“Les Deux Plateaux” by Daniel Buren 1986
สิ่งที่เป็น “iconic” อีกอย่างก็คืองานประติมากรรมที่มีชื่อว่า “Les Deux Plateaux” โดย Daniel Buren

สร้างขึ้นเมื่อปี 1986 เป็นอีกหนึ่งงานคอนทราสต์ที่เอาอาร์ทสมัยใหม่มาตัดกับอาร์ทแบบคลาสสิค ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ Paris งานชิ้นนี้มีลักษณะเป็นเสาทาสีขาวสลับดำสูงต่ำไม่เท่ากันกว่า 280 ต้น ใครมาเห็นแล้วก็คงอดถ่ายรูปไม่ได้ แล้วเราจะเหลือเรอะ

นอกจากนี้ยังมีช็อปของแบรนด์เริ่ดๆ เช่น Stella McCartney, Rick Owen, Acne Studios ด้วย เราแอบถูกใจกับร้าน Maison de l’Ambre ร้านขายอำพันทั้งในเรื่องดีไซน์และราคาที่ถูกกว่าในเมืองไทย

รอบๆนอกของ Palais Royal ยังมีช็อปเก๋ๆ ของทั้ง Maison Margiela และ Maison Kitsuné ด้วยนะ

Galerie Vivienne

เดินขึ้นทางทิศเหนือมาหน่อยก็จะเจอกับ Passage ที่ดูหรูหราที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ใน Paris และมีอายุเกือบ 200 ปีที่ชื่อว่า Galerie Vivienne อยากถ่ายรูปข้างในมาให้ดูมากๆ แต่ดันเหลือบไปเห็นป้ายห้ามถ่ายรูปเฉพาะด้านในด้วย

Galerie Vivienne

Gribaudo Paul

สิ่งที่เตะตาตั้งแต่แรกเข้ามาก็คงจะเป็นร้านหนังสือโบราณชื่อ Gribaudo Paul ที่คูลหนักมาก เห็นลูกหมูสามตัวนั่นไหมภายในยังมีร้านอาหารชื่อ Le Grand Colbert ซึ่งถูกใช้เป็นฉากในหนังเรื่อง Something’s gotta give อีกด้วย

Statue of Louis XIV

เดินเลาะมาอีกนิด ก็จะพบกับออฟฟิศของ Celine, Kenzo และ Marc Jacobs ซึ่งก็คงจะบอกถึงความเก๋ของย่านนี้ได้อยู่พอควร แต่ถึงไม่มีแบรนด์เหล่านี้ ลำพังตึกรามบ้านช่องก็ดูน่ายกกล้องขึ้นมาชักภาพรัวๆได้ไม่รู้เบื่อเลยล่ะ

ป้อมโฆษณาริมถนนสไตล์ปารีเซียง

ป้ายสถานี Métro ที่เขียนด้วย Font สไตล์ Art Nouveau อันเป็นเอกลักษณ์


8. Sentier-Grands Boulevards (ซองทีเย่-กร็องด์ส์ บูลเลอวาร์ดส์ - เขต 2)
Sentier-Grands Boulevards (ซองทีเย่-กร็องด์ส์ บูลเลอวาร์ดส์ - เขต 2)

ย่านนี้ไม่ใช่ย่านนักท่องเที่ยว แต่เป็นย่านใกล้ที่พักที่เราเดินผ่านประจำ และรู้สึกว่ามีเสน่ห์ที่ไม่เสแสร้งซุกซ่อนอยู่มากมาย แต่เดิมย่านนี้เป็นแหล่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอ แต่ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็นแหล่งออฟฟิศธุรกิจ Start-up จนได้รับฉายาใหม่ว่า Silicon Sentier
 
Getting there: Métro สถานี Richelieu - Drouot

เสน่ห์ของย่านนี้ก็คือ passage โบราณที่ตกแต่งอย่างงดงาม (passage หมายถึง ช่องทางเดินที่มีร้านค้าอยู่ 2 ข้างทางและมีหลังคาคลุม) เช่น Passage Jouffroy และ Passage des Panoramas
L'Appartement Sézane

ตามซอกซอยของย่านนี้ ชาว #hopsters จะได้พบกับร้าน concept store เก๋ๆอย่าง L'Appartement Sézane ที่เราปักหมุดตั้งใจจะไปให้ได้ตั้งแต่ยังหาข้อมูลอยู่เมืองไทย เหมาะกับสาวๆ ร้านนี้ก็มีสาขาที่นิวยอร์กด้วยนะ

L'Appartement Sézane

ร้านที่เราไปแวะกินวันแรกนั้นคือร้านชื่อ Bouillon Chartier แนะนำโดยโฮสต์ของเรา (คงคิดเห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว) แต่เราก็ไปนะ เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราก็ไม่เคยได้ลองเหมือนกัน

Location: https://goo.gl/maps/EDXn41whoyoUzeKZ6

Nous

อีกร้านชื่อ Nous เป็นร้านอาหารสมัยใหม่ที่รูปลักษณ์ของร้านกระตุ้นความอยากให้เราเข้าไปใช้บริการตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเดินผ่าน และได้เข้าไปชิมในที่สุด อาหารที่นี่นั้นแนว Mexican ผสม American (แต่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศส งงมะ) ให้อารมณ์เหมือนจะเฮลธ์ตี้แต่ก็เสิร์ฟฟรายส์นะ รวมๆคือให้ 3.8 เต็ม 5 ละกัน

Nous
Nous
Hôtel des Grands Boulevards

เรื่องที่พัก (พักแถวนี้สะดวกจริงๆ) เราเจอโรงแรมที่สไตลิชน่าพักมากๆอยู่ 2 โรงแรมที่เราเองก็อยากลอง ถ้าไม่ได้จอง AirBnB มาซะก่อน นั่นก็คือโรงแรม The Hoxton ที่เท่ คูล และเอ็ดจี้มากๆ ลองเข้าไปดูรูปเพิ่มเติมในเวปดูเองแล้วกันนะว่าดีงามขนาดไหน (https://thehoxton.com/france/paris/hotels) และอีกที่ก็คือ Hôtel des Grands Boulevards ที่ดีงามไม่แพ้กัน (https://www.grandsboulevardshotel.com/)

Crème de Paris

ร้าน Crème de Paris นางเคลมตัวเองว่ามีเครปและวาฟเฟิ่ลที่ดีที่สุดในปารีสนะ

ICI librairie

ICI librairie ร้านหนังสือแถวที่พักเราสองชั้นใหญ่ใช้ได้ด้านในหนังสือครบทุกแนว มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศษ พวกเครื่องเขียนอะไรก้มีครบนะ และยังมีร้านคาเฟ่เล็กตั้งอยู่กลางร้านด้วย ใครอยากจะนั่งชิลทำงานอ่านหนังสือจิบกาแฟที่นี่แนะนำเลยคร้าบ
 
Location: https://goo.gl/maps/2xhZ8P73gotM8mG69

ICI librairie
Sentier

เดินมาทาง Sentier เรื่อยๆ เราก็จะพบกับร้านค้าน่าสนใจกระจายกันอยู่ทั่วบริเวณ ใครอยากจะหลบเลี่ยง“ความทัวริสตี้” ขอให้มาย่านนี้ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ดูมีดีไซน์และมีคุณภาพ ตั้งแต่ร้านแฟชั่น ร้านเครื่องสำอางค์ ร้านขนม ร้านอาหาร ไปจนถึง supermarket แนวเฮลธ์ตี้ คือไม่ใช่ร้านแนวตีหัวนักท่องเที่ยวเข้าบ้านเหมือนในย่านท่องเที่ยว อ่อ.. บริเวณนี้มีร้าน COS และ Yohji Yamamoto ด้วยนะ
 

นอกจากนี้ยังมีตรอกอาหารในตำนาน อย่าง Rue Montorgueil (รู มงตอร์เกย) ที่ดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยนักกินและนักท่องเที่ยว จะเข้าร้านไหนก็ต้องศึกษาดูดีๆนะ เพราะทุกทำเลทองก็จะมีทั้งตัวจริงและตัวปลอมมาฉวยโอกาสกับนักท่องเที่ยวเหมือนกันทุกที่ หนึ่งในร้านที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็น Stohrer ร้านขายขนมที่เก่าแก่ที่สุดใน Paris ก่อตั้งขึ้นในปี 1730 หรือเกือบ 300 ปีมาแล้ว

8 ย่านที่เรายกมาแนะนำนี้เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของความดีงามที่ Paris มีให้ไปเยี่ยมชม เมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้ยังมีของดีอีกเยอะมากๆ เราถ่ายรูปจนหมด memory card ไปหลายแผ่น และยังสามารถเอามาลงได้อีกหลายโพสต์ ดังนั้นติดตามกันต่อนะค้าบบบ
 
.
 
#LetsHoparoundPARIS #LetsHoparound #Travel #Amex #EarnMilesFaster #Paris #ParisCityGuide

#เที่ยวปารีส #ปารีส #เมืองปารีส #ช็อปปิ้งในปารีส #คาเฟ่ในปารีส #รีวิวปารีส #เที่ยวปารีสด้วยตัวเอง #ฝรั่งเศส #เที่ยวฝรั่งเศส #ปารีสไปไหนดี #ไปไหนดีในปารีส #ช็อปอะไรที่ปารีส #ร้านดีๆในปารีส

    18550
    3