ด้วย brand positioning ที่ชัดเจนว่าเป็น “skin care with style”
แบรนด์เครื่องประทินผิวสัญชาติออสเตรเลีย อย่าง Aēsop จึงได้พาตัวเองมาอยู่ในจุดที่โดดเด่นในท้องตลาด skin care ระดับสากล สำหรับในประเทศไทยหลังจากที่เปิดหน้าร้านแรกที่สาขา Siam Paragon ไปช่วงปลายเมษายนปี 2559 Aēsop ก็เติบโตมาเป็นสาขาที่ 5 แล้วที่ Central Chidlom (สาขาอื่นๆอยู่ที่ Central ลาดพร้าว ZEN และ The Emporium) เป็นที่รู้กันอยู่ว่าแต่ละสาขาของ Aēsop นั้น จะเน้นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเลย เนื่องจาก Aēsop มีปรัชญาการทำงานที่ต้องการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของโลเคชั่นแต่ละที่ มากกว่าการยัดเยียดตัวเองลงไปดื้อๆ จึงกลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้แฟนๆต้องติดตามดูงานออกแบบหน้าร้านที่แตกต่างกันไป
สำหรับการดีไซน์ร้าน Aesop สาขาที่ Central Chidlom นี้ ต่างจากสาขาอื่นๆในไทย ตรงที่ไม่ใช้บรรยากาศของสถานที่อื่นมาอ้างอิงในการออกแบบ (เช่น รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ฯลฯ) แต่จะโฟกัสไปที่ตัว Space ของหน้าร้านนี้เอง เพื่อสร้างความโดดเด่นออกมาจากร้านอื่นๆที่อยู่รอบๆ อีกอย่างคือการเปลี่ยนตัวดีไซเนอร์จาก Russell & George มาเป็น MLKK STUDIO ที่ฮ่องกงแทน ผลลัพธ์ที่ออกมายังคงสะท้อนความ minimal และองค์ประกอบพื้นฐานอื่นๆของ Aēsop ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นดิสเพลย์สินค้าที่ดูดีมีสไตล์ อ่างล้างมือที่ใช้ในการสาธิตสินค้า และทั้งหมดใช้วัสดุโลหะทองเหลืองเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งร้าน
ในปี 1987 อดีตช่างทำผม Dennis Paphitis ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Aēsop เลือกใช้ชื่อนี้ตามนักเล่านิทานในตำนานชาวกรีกที่ชื่อ อีสป เนื่องจากทุกเรื่องที่อีสปเล่านั้นล้วนแต่ให้แง่คิดและสอนถึงจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ Paphatis ก็ยึดถือในการทำธุรกิจมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน ส่วนผสมของความเป็นธรรมชาติที่ปลอดภัย วิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ และความสุขุมลุ่มลึกซึ่งแฝงอยู่ในบุคลิกของแบรนด์ยังคงถูกถ่ายทอดมาออกมาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปีแล้ว โดย Aēsop สื่อสารสิ่งนี้ผ่านตัวโปรดักส์ งานแพ็คเก็จจิ้ง งานออกแบบบรรยากาศร้าน และการบริการที่เน้นการเติมเต็มประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูกค้า
เริ่มตั้งแต่ความรื่นรมย์ทางสายตาที่ได้ชื่นชมงานออกแบบตัว store ลิ้นที่ได้ลิ้มลองรสชาสูตรเฉพาะของ Aēsop ที่มีส่วนผสมของเป็ปเปอร์มิ้นท์ กุหลาบ และชะเอมเทศ กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยที่จุดเตรียมไว้ต้อนรับลูกค้า (ขอบคุณพนักงานที่แอบเปิดให้ดูใต้ counter) สัมผัสของผลิตภัณฑ์ที่พนักงานสาธิตบนผิวของเรา และสุดท้ายก็คือความบันเทิงหูที่ได้ฟังเพลงที่ทั้งเท่และผ่อนคลายที่แต่งขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อ Aēsop โดยเฉพาะ (สำหรับดนตรีของ Aēsop นั้นอาจจะยังไม่มีในไทย เนื่องจากยังไม่มีสาขาที่เปิดเป็น Shop)
เซ็ตที่เราได้รับเป็นของขวัญมาในวันนี้คือ Perception (3,200 บาท) ซึ่งประกอบไปด้วย 1) Geranium Leaf Body Cleanser กลิ่นหอมใบเจอเรเนี่ยม ผิวส้มแมนดาริน และผิวผลเบอร์กาม็อตกลิ่นหอมรัญจวนใจ 2) Redemption Body Scrub ทำจากจากก้านไผ่ ใบเสจ และใบสน กลิ่นหอมสะอาดๆ เขียวๆ เย็นๆ 3) Redemption Body Balm กลิ่นเดียวกับตัว scrub ซึ่งพนักงานแอบกระซิบว่าเป็นตัวพิเศษที่ทำเพื่อเซ็ตนี้เท่านั้น ไม่มีขายแยกในร้านน้าาา
วันนี้เราได้เรียนรู้หลายอย่างจาก Aesop ภายใต้ความเรียบๆฮิปๆนั้นมีกระบวนการคิดที่อยู่เบื้องหลังมากมาย ทำให้เรานึกถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของ India.Arie ที่ว่า “I have found that the art of simplicity simply means making peace with your complexity” วันนี้เราได้พบว่าศิลปะแห่งความเรียบง่ายนั้น แท้จริงก็คือการสร้างสันติกับความซับซ้อนของเราเอง และ Aēsop ก็ทำสิ่งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
Where to buy: Aesop counter at Central Department Store
Website: www.central.co.th/th/aesop, www.aesop.com
.
FB/IG: @hoparound.co
Youtube: hoparound.co
Website: www.hoparound.co
.
Comments