Celadon ถึงเครื่องตำรับไทย ถึงใจระดับโลก
วันแม่ปีนี้ hoparound.co มีห้องอาหารไทยแท้ที่ดีงามจนคุณแม่ต้องประทับใจมาแนะนำให้เพื่อนๆพาคุณแม่และสมาชิกทั้งครอบครัวไปร่วมฉลองกัน นี่คือห้องอาหาร Celadon (ศิลาดล) แห่งโรงแรม The Sukhothai Bangkok ที่กำลังจะกลับมาเปิดให้บริการในวันที่ 12 สิงหาคมนี้เป็นวันแรกพอดี หลังจากปิดหลบโควิดไปพักใหญ่ โทรไปจองล่วงหน้ากันได้เลยครับที่เบอร์ 02 344 8888
ก่อนหน้านี้ Celadon เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักชิมว่าเป็นห้องอาหารไทยแถวหน้าของกรุงเทพมหานคร การันตีด้วยสารพัดรางวัลนานาชาติติดต่อกันว่า 5 ปี รวมถึง Michelin Guide ด้วย และวันนี้ Celadon กำลังจะกลับมาแบบ Top Form ยิ่งกว่าเดิม เพราะเชฟรสริน ศรีประทุม (เชฟริน) ผู้ที่ได้รับอิทธิพลการปรุงอาหารไทยโบราณทั้งคาวหวานมาจากคุณย่าและคุณยายตั้งแต่เด็ก ตั้งใจจะส่งมอบประสบการณ์ Gastronomy มื้อพิเศษที่เปี่ยมล้นด้วย Taste ทั้งที่แปลว่ารสชาติและรสนิยมเลยครับ
เริ่มตั้งแต่ตัวอาหารที่เชฟย้ำว่าต้องถึงเครื่องตามตำรับไทยแท้ ดังนั้นจึงต้องปรุงอย่างละเอียดเพื่อดึงเอารสชาติวัตถุดิบชั้นยอดที่คัดสรรมาจากทั่วประเทศให้ออกมามากที่สุด ก่อนจะถูกนำมาจัดจานให้มีหน้าตาที่ทันสมัยเรียบหรู สำหรับการบริการของ The Sukhothai นั้นมีชื่อจนไม่จำเป็นที่เราจะต้องสาธยายใดๆ และที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กันก็คือบรรยากาศอันงดงามของห้องอาหารในศาลาเรือนไทยติดแอร์เย็นสบาย แถมรายล้อมด้วยสระบัวสะพรั่ง ส่วนการตกแต่งภายในนั้นก็ทำให้เรารู้สึกทั้งปลอดโปร่งและอบอุ่นอย่างมีรสนิยม
เรามาดูหน้าตาอาหารวันนี้กันดีกว่าครับ เริ่มต้นด้วยจานเรียกน้ำย่อยข้าวเกรียบปากหม้อโบราณไส้เห็ดชิเมจิและเนื้อปู (550.-) เคล้าด้วยเครื่องปรุง กระเทียม พริกไทยและรากผักชี แต่ทีเด็ดอยู่ที่แป้งที่ไม่เหมือนใคร เพราะเชฟได้ไปเรียนรู้มาจากชาวบ้าน ราดด้วยซอส Coconut Vinegar ที่หมักเอง
เรียกน้ำย่อยจานที่ 2 เป็นทอดมันกุ้งแชบ๊วย (550.-) เนื้อนุ่มหวานจากปากน้ำกระบี่ราดด้วยน้ำจิ้มบ๊วย เสิร์ฟคู่กับผักดองน้ำส้มสายชูที่หมักจากสับปะรดจันทบุรี
ต่อกันด้วยพล่าเนื้อมะเขือเปราะ (580.-) เชฟเลือกใช้เนื้อชาโรเลส์สายพันธุ์จากฝรั่งเศสแต่เลี้ยงที่จังหวัดสุรินทร์ นำมาย่างให้สุกกำลังดี จากนั้นเคล้ากับเครื่องปรุงและสมุนไพรเครื่องพล่าแล้วบีบส้มซ่าเติมรสเปรี้ยวสดชื่นอีกหน่อย อร่อยมากครับ จานนี้เชฟแนะนำให้จับคู่กับสปาร์คลิ่งไวน์ Louis Perdrier Sparkling Brut d’Excellence จะเสริมกันพอดีครับ
แกงเลียงเนื้อปูม้าและกุ้งสด (580.-) จานนี้น้ำขลุกขลิกแต่เข้มข้นด้วยกะปิจากคลองโคนบ้านเกิดเชฟ หอมฟุ้งด้วยสมุนไพรนานาชนิด แน่นอนว่าเนื้อปูม้าและกุ้งสดๆก็ช่วยเพิ่มความหวานธรรมชาติให้กับตัว Broth ได้อย่างดี อร่อยแบบวิดน้ำเกลี้ยงจานเลย จานนี้แนะนำให้จับคู่กับไวน์ขาวที่เบาและสดชื่นอย่าง Sauvignon Blanc จาก Clearwater Cove, Marlborough, NZ ครับ
มาถึงจานหลักครับ กุ้งแม่น้ำสามสายย่างไม้โมก (2,700.-) เสิร์ฟมากับข้าวสวย และซอส 2 อย่าง ย่างไม้โมกมาหอมฉุยเนื้อฉ่ำสุกกำลังดี แถมมันหัวกุ้งก็เยิ้มสะใจเลยครับ เชฟจัดมาให้พร้อมกับข้าวอีก 2 อย่างคือแกงสิงหลกับมะระหวานผัดไข่ อาหารง่ายๆแต่อร่อยมาก
จานนี้มีชื่อว่า แกงสิงหลแก้มวัว (780.-) ว่ากันว่าเป็นแกงโบราณตั้งแต่สมัยต้นรัชกาลที่ 2 ครับ มีที่มาจากชาวศรีลังกาที่อพยพเข้ามาในสยาม แต่ก็ถูกปรับแต่งรสชาติเรื่อยมาจนกลายมาเป็นอาหารไทยไปแล้ว จานนี้เชฟรินนำแก้มวัวไป Slow Cook นานถึง 12 ชั่วโมงจนเปื่อยนุ่มก่อนจะนำมาปรุงกับเครื่องแกงที่ทำเอง สูตรของเชฟรินมีการเพิ่มใบเตย ใบเบย์ และผักชีลาวเพื่อความหอมที่ช่วยพรางกลิ่นเนื้อไปในตัว
มาถึงของหวานกันแล้วครับ เชฟเตรียมมาให้เรา 2 อย่างเลยทั้งแบบร้อนและเย็น จานแรกเป็นขนมโคงาขี้ม่อนบ้านน้ำช้าง (420.-) หอมหวานมันพอดีไปหมด ยิ่งราดด้วยกะทิอุ่นๆยิ่งฟินถึงใจ
แต่อีกไฮไลท์ที่อร่อยประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือไอติมมันย่างครับ (150.-) เสิร์ฟมาเป็นไอศกรีมแท่งที่ท็อปด้วยมันเชื่อม โอ้ยยย… อร่อยไม่รู้ลืมจ
ใครคิดถึงรสชาติอันเยี่ยมยอดของ Celadon หรือสนใจมาสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยถึงเครื่องตำรับไทยด้วยบริการและนำเสนอที่ทันสมัยระดับสากล ก็โทรไปจองได้เลยครับ
สำรองที่นั่งได้ที่
☎️ +66 (0) 2344 8888
📧 promotions@sukhothai.com
🌎 https://www.sukhothai.com/bangkok/en
Comments