top of page
รูปภาพนักเขียนhoparound.co

Seattle เที่ยวเมืองซีแอตเทิล


Seattle เที่ยวเมืองซีแอตเทิล รีวิว ซีแอตเทิล Seattle review city guide
#Seattle แม้จะเป็นบ้านเกิดของ Starbucks แต่กลิ่นหอมของกาแฟคั่วใหม่ๆ ที่กรุ่นเมืองท่าริมทะเลแห่งนี้นั้นมีแหล่งกำเนิดมาจากโรงคั่วอื่นๆอีกหลายแหล่งและคาเฟ่ต่างๆอีกมากมายที่ผุดขึ้นอยู่ทั่วเมือง

(เราชอบรสชาติของแบรนด์ Vitrola เป็นพิเศษ) จนทำให้ Seattle กลายเป็นเมืองที่ดังเฟื่องเรื่องกาแฟมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเมื่อต้นปีมีการสำรวจพบว่า Seattle มีร้านกาแฟชุกชุมเป็นอันดับต้นๆของประเทศเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร (1 ร้านกาแฟต่อประชากร 2,308 คน)


Seattle เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนและความเจริญมาแต่ไหนแต่ไร ดูได้จากตลาด Pike Place Market ซึ่งเป็น icon สำคัญของเมือง ปัจจุบันมีอายุ 112 ปีแล้ว นับเป็นหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา ตลาดอาหารแห่งนี้มีคาแรคเตอร์โดดเด่นตั้งแต่ป้ายตลาด ไปจนถึงเทคนิคการขายที่อยู่ด้านใน โดยเฉพาะคนขายปลาที่จะตะโกน เล่นมุก และโยนปลาข้ามหัวกันไปมาอย่างสนุกสนาน จนคนต้องหยุดมุงดู และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดหนังสือเกี่ยวการบริหารจัดการชื่อดังที่ชื่อว่า “Fish”


หลายปีก่อนที่เราได้มา Seattle ครั้งที่แล้ว เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่สอนให้เราได้รู้จักกับคอนเส็ปต์ FLOSS ซึ่งย่อมาจาก Fresh, Local, Organic, Seasonal และ Sustainable และอาหารในตลาดแห่งนี้ก็สะท้อนถึงคอนเส็ปต์นั้นได้ชัดเจน (แม้ราคาอาจจะสูงขึ้นตามความนิยมของนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง) ที่นี่มีตั้งแต่ผลไม้สด ชีสท้องถิ่น แอปเปิ้ลไซเดอร์ออร์แกนิค เบเกอรี่ ฯลฯ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์แนวโฮมเมดอื่นๆ โดยเฉพาะพวกยาสมุนไพรที่มักจะมีส่วนผสมของกัญชาอยู่ด้วย เพราะที่นี่กัญชาถูกกฎหมายนะจ๊ะ ถ้าเราเดินเล่นในเมืองจะรู้ว่ากลิ่นที่กรุ่นเมือง Seattle ทุกวันนี้อาจไม่ใช่กาแฟแล้วล่ะ 555


Starbucks สาขาแรกของโลก

จุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สุดในตลาดแห่งนี้ก็คงจะเป็น Starbucks สาขาแรกเท่าที่ยังเหลืออยู่ (สาขาแรกจริงๆปิดตัวลงก่อนจะถูกย้ายมาที่นี่) เค้ายังเก็บสภาพดั้งเดิมด้านนอก รวมถึงโลโก้นางเงือกสีน้ำตาล 2 หางแบบออริจินัลเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปด้วย และก็ได้ผลมากจริงๆ


Starbucks Reserve Roastery

ในปี 2014 Starbucks ก็ได้เปิดร้านขนาดใหญ่พิเศษในคอนเส็ปต์ Starbucks Reserve Roastery ที่ Seattle เป็นร้านแรก (ปัจจุบันมี 6 สาขาในโลก สาขาล่าสุดคือที่ Chicago ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย) ร้านแบบพิเศษนี้ นอกจากจะมีโซนกาแฟหลากหลายแบบแล้ว ยังมีโซนชาจาก Teavana เครื่องดื่มแอลกอฮอลคัดพิเศษ เบเกอรี่อย่างดีจาก Princi และโรงคั่วระบบสายพานให้ลูกค้าดูเพลินๆ อ้อ! ขาช้อปก็คงไม่อยากพลาดมุมของที่ระลึกพรีเมี่ยมแบบละลานตาเนอะ เสร็จจาก SRR แล้วแถวๆ Capitol Hill ก็มีร้านค้าเก๋ๆให้เดินดูเพลินๆได้อีกเรื่อยๆเลย



Space Needle

อีกหนึ่ง icon ของเมืองก็คือ หอคอย Space Needle (สร้างเพื่องาน World’s Fair ในปี 1962 แต่ยังดูทันสมัยอยู่เลยอ่ะ) หอคอยแห่งนี้รายล้อมไปด้วยสวนสาธารณะและมิวเซี่ยมที่น่าสนใจหลายแห่ง โดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันจึงเป็นจุดกลางเมืองที่มีคนออกมาเดินเล่นกันพลุกพล่านในวันอากาศดี ในแง่ประวัติศาสตร์หอคอยแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหมุดไมล์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Seattle


Amazon

ในปัจจุบัน Seattle ก็ยังคงเป็นเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดเมืองหนึ่งในอเมริกา ใครจะไปคาดคิดว่าเมืองที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างนี้ จะเป็นบ้านของบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายทั้ง Amazon, Microsoft, Nordstrom, Expedia, Costco และ แน่นอน Starbucks

ในบรรดาบริษัททั้งหมดที่อยู่ที่นี่ มีบริษัทหนึ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเมือง Seattle อย่างมาก ซึ่งก็คือบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในปัจจุบันอย่าง Amazon เพราะ Amazon ได้สร้าง “เมืองในเมือง” ให้เป็นแคมปัสสำนักงานใหญ่ของบริษัท โดยประกอบไปด้วยอาคารกว่า 40 หลังที่กระจายอยู่ทั่ว และมีบริการรถบัสรับส่งพนักงานกว่า 45 เส้นทางทั่วเมือง

ในปีที่แล้ว (2018) Amazon ได้เปิดตัว Amazon Spheres โดมแก้ว 3 หลังติดกัน ที่มีวัตถุประสงค์หลักคือเอาไว้ให้พนักงานมาเดินหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ภายในโดมที่มีความสูง 3-4 ชั้นนั้น ในนี้มีทั้งสเปซเอาไว้ให้นัดประชุมหรือพักผ่อนหย่อนใจ รวมไปถึงร้านค้าต่างๆท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวชอุ่มกว่า 40,000 ต้น คนทั่วไปก็เข้าไปได้นะ แต่ต้องจองคิวล่วงหน้าซักหน่อย

ถัดจาก Spheres มานิดนึง ก็จะมีร้าน Amazon Go ร้านสะดวกซื้อที่ไร้แคชเชียร์ เราก็สามารถเข้าไปลองซื้อได้จริงๆแค่เพียงโหลด App แล้วก็สแกนเข้าได้เลย

แม้ Seattle จะมีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ทำให้เราประทับใจกลับไม่ใช่ความโดดเด่นของ Tourists’ Attractions ต่างๆ หรือความยิ่งใหญ่ของบริษัทระดับโลกที่มากระจุกตัวกันอยู่ที่นี่ แต่กลับเป็นคุณภาพความเป็นอยู่ประจำวันของชาวเมืองตาม Suburb ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Fremont, Ballard, Wallingford (พอดีเราพักอยู่ริมทะเลสาบ Greenlake ก็เลยได้เดินละแวกนี้มากหน่อย)


การได้เดินเล่นไปเรื่อยๆแบบไม่มีแพลนก็ทำให้เราได้เห็นว่าคนที่นี่มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาก เพราะรายล้อมไปด้วยต้นไม้และทะเลสาบ ทำให้อากาศสดชื่นอยู่ตลอดเวลา ส่วนร้านค้าที่แซมอยู่ในแต่ละย่านก็ดูเป็นกันเอง และมักมีกลิ่นอายความเท่แบบดิบๆแฝงอยู่ด้วย


Red Mill Burgers

ร้านที่ประทับใจเรามากๆตั้งแต่คราวที่แล้วที่ได้มา Seattle ก็คือร้าน Red Mill Burgers ซึ่งเป็นร้านขายเบเกอร์แบบดั้งเดิม ที่รสชาติทั้งอิ่มท้องและอิ่มทั้งใจเราอย่างยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่ทั้ง Oprah Winfrey และนิตยสาร GQ ต่างก็การันตีว่าเป็นหนึ่งใน 20 ร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่คุณต้องลองกินก่อนตาย อ่อ มิลค์เชคของเค้าก็เข้มข้นถึงใจไม่แพ้กัน


Taylor Shellfish Farm

พูดถึงอาหารแล้ว Seattle เป็นเมืองที่ไม่ขาดแคลนของอร่อยเลย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลมากโดยเฉพาะหอยนางรม บังเอิญโชคดีที่เรามีเพื่อนอยู่ที่นี่ นางจึงอาสาขับรถพาไปถึง Taylor Shellfish Farm ที่ต้องออกนอกเมืองไปทางเหนือประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็เลยได้กินหอยนางรมสดๆในราคาที่ถูกมาก แถมบรรยากาศก็ดีสุดๆ แต่ถ้าเพื่อนๆไม่มีรถ ก็ search หาสาขาในเมืองได้ มีหลายสาขาเลยแหละ


Fat Hen

เรามาเริ่มวันใหม่อีกวันด้วยอาหารเช้าสไตล์ New American ที่ร้าน Fat Hen กันดีกว่า เราชอบคุณภาพอาหารและบรรยากาศง่ายๆของที่นี่มากเลย หรือถ้าเพื่อนๆอยากลองเปลี่ยนเป็นเบรคฟัสต์สไตล์ Louisiana ก็ต้องไปที่ Toulous Petit ซึ่งอาหารก็ดีมากไม่แพ้กัน


จากดาวน์ทาวน์ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 10 นาที ติดกับ University of Washington ก็จะมีย่านการค้าที่ดูดีน่าเดินในนามว่า University Village หรือเรียกสั้นๆว่า U-Village ที่เปิดมาตั้งแต่ยุค 50’s แต่ก็พัฒนาปรับปรุงมาตลอดจนปัจจุบันดูทันสมัยมากๆ ภายในก็มีหลายร้านดีๆให้เลือกเลย (Starbucks สาขาที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ก็ยังเปิดอยู่ที่นี่) เราได้ลองร้านอาหารเวียดนามสมัยใหม่ ชื่อ Babar ก็อร่อยถูกใจ แถมยังได้ตบท้ายด้วยไอศกรีมหอมหวานจาก Molly Moon’s ที่อยู่ในเวิ้งเดียวกันด้วย ที่นี่ยังมีร้านค้าอื่นๆอีกกว่า 120 ร้านค้าให้เดินดู ตั้งแต่เสื้อผ้า หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึง Apple Store ด้วยนะ



Seattle ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก ทริปนี้คือทริปที่ 2 ที่เราได้มีโอกาสมาเยือนที่นี่ เราจึงไม่ได้เจาะจุดท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆเหมือนครั้งแรก คราวนี้เราอยากจะเดินทอดน่องสำรวจอะไรเรื่อยเปื่อยมากกว่า ทำให้เราได้เห็นมุมอื่นๆที่ต่างออกไปของ Seattle และอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม Seattle จึงไม่ค่อยปรากฏอยู่ในลิสต์การท่องเที่ยวของคนไทยทั้งที่มีอะไรดีๆซ่อนอยู่เยอะแยะไปหมด หากเพื่อนๆมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาสำรวจเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโซน Northwest ของอเมริกาแห่งนี้ก็แล้วกันนะครับ

FB/IG: @hoparound.co

Youtube: hoparound.co

.

ดู 2,963 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page