AMANTAKA เย็นใจ เย็นกาย เรียบง่าย งดงาม กับอมันทากา หลวงพระบาง
เสน่ห์ของหลวงพระบางมีอะไรบ้างน่ะเหรอครับ หลายคนคงจะบอกว่าเป็นจังหวะชีวิตอันเนิบช้า อากาศในฤดูหนาวที่เย็นสบายผิว สถาปัตยกรรมแบบ French Colonial ที่ถูก UNESCO อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี หรือไม่ก็ความรุ่มรวยในวิถีพุทธและวัดสไตล์ล้านช้างอันงดงาม ทั้งหมดนี้บวกกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำคานล้วนมีส่วนทำให้อดีตนครหลวงของอาณาจักรล้านช้างแห่งนี้กลายเป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของลาวในปัจจุบัน และวันนี้เราจะมาแนะนำที่พักชั้นเลิศที่จะยิ่งยกระดับความดีงามทั้งหมดของทริปหลวงพระบางให้ขึ้นหิ้งเป็นความตราตรึงใจไปอีกแสนนาน
Exclusive Rate for Hoparound.co Fans !!
นี่คือ Amantaka รีสอร์ทบนยอดสูงสุดของความ Ultra Exclusive แห่งหลวงพระบาง และบอกไว้ตรงนี้เลยว่า hoparound.co มีข้อเสนอพิเศษสุดในการเข้าพักที่นี่มาฝากเพื่อนๆในโพสต์นี้กันด้วยนะครับ
#ดีลลับเฉพาะ 𝗛𝗼𝗽𝗮𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱.𝗰𝗼 เท่านั้น กับ 𝗔𝗺𝗮𝗻𝘁𝗮𝗸𝗮 𝗖𝗹𝗼𝘀𝗲𝗿 𝘁𝗼 𝗵𝗼𝗺𝗲 สัมผัสความงาม ยลหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกแบบ 𝗨𝗹𝘁𝗿𝗮-𝗘𝘅𝗰𝗹𝘂𝘀𝗶𝘃𝗲 กับข้อเสนอสุดพิเศษ
ครั้งแรกกับห้องพักเรทพิเศษสำหรับคนไทยและ 𝗘𝘅𝗽𝗮𝘁 ที่อาศัยในประเทศไทยเริ่มต้นคืนละ 𝗨𝗦𝗗 𝟱𝟱𝟬++ เพียงแจ้งโค้ด '𝗛𝗼𝗽 𝗔𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱'
#HoparoundDeal ใครที่หลงไหลในมนตร์เสน่ห์มรดกโลก 𝗨𝗻𝗲𝘀𝗰𝗼 ที่มีจังหวะเนิบช้า ละเมียดละไมอย่าง ‘หลวงพระบาง’ ฟังทางนี้ครับ วันนี้ 𝗛𝗼𝗽𝗮𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱.𝗰𝗼 ร่วมกับ 𝗔𝗺𝗮𝗻𝘁𝗮𝗸𝗮 (อมันทากา) รีสอร์ทสุดสง่างามจากเครือ 𝗔𝗺𝗮𝗻 𝗥𝗲𝘀𝗼𝗿𝘁𝘀 ขอเสนอดีลชั้นยอดสำหรับชาว #Hopsters โดยเฉพาะ เพียงแจ้งโค้ด “𝗛𝗼𝗽 𝗔𝗿𝗼𝘂𝗻𝗱” เมื่อสำรองห้องพักโดยตรงกับทางรีสอร์ท เพื่อนๆก็จะได้รับเรทพิเศษสุด พร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมายดังนี้ครับ
𝟭.ห้องพักเรทพิเศษเริ่มต้นที่ 𝗨𝗦𝗗 𝟱𝟱𝟬++/คืน
𝟮.อาหารเช้า ณ 𝗧𝗵𝗲 𝗗𝗶𝗻𝗶𝗻𝗴 𝗥𝗼𝗼𝗺
𝟯.บริการรับ-ส่งสนามบินแบบส่วนตัว พร้อมผ่านด่านตม.ขาเข้าแบบ 𝗙𝗮𝘀𝘁 𝗧𝗿𝗮𝗰𝗸 ณ สนามบินหลวงพระบาง
𝟰.อัพเกรดห้องฟรี (ขึ้นอยู่กับห้องว่างในแต่ละวัน)
𝟱.ชุดน้ำชายามบ่ายพร้อมผลไม้สดทุกวันตลอดการเข้าพัก
𝟲.การเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ที่ยืดหยุ่น (ขึ้นอยู่กับห้องว่างในแต่ละวัน)
𝟳.บริการซักรีด (ไม่รวมซักแห้ง)
𝟴.บริการรถจักรยาน ตุ๊ก ตุ๊ก และรถรับส่งภายในตัวเมืองหลวงพระบาง
The Arrival
อยู่บนฟ้ายังไม่ถึง 2 ชั่วโมงดี เราก็ร่อนลงจอด ณ สนามบินหลวงพระบางที่เล็กกระทัดรัด และที่ถูกใจเราก็คือขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองนั้นน่ารักและเรียบง่ายสมกับสไตล์ของหลวงพระบางอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่หลวงพระบางเพิ่งกลับมาเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ไม่นาน คนจึงยังคงไม่พลุกพล่านมาก ใครกำลังเล็งอยากมาเที่ยวที่นี่ ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีมากเลยครับ บอกเลย
ระหว่างที่เรารอคิวตรวจคนเข้าเมืองอยู่ เราก็เห็นพนักงานขับรถยืนชูป้าย Amantaka รอรับเราอยู่แล้วที่ด้านหลังตม. เรียกได้ว่าการบริการแบบ Ultra Exclusive นั้นเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เรามาถึงหลวงพระบางโดยมีพนักงานเข้ามารอรับกระเป๋ากับเราที่สายพานเลยล่ะครับ และเท่าที่เห็น Amantaka น่าจะเป็นเพียงรีสอร์ทเดียวเท่านั้นที่เข้ามารับแขกถึงด้านในขนาดนี้ครับ
คุณ “กาก” คือชื่อของพนักงานขับรถผู้ช่วยเรายกกระเป๋ามาขึ้นรถ จากนั้นพี่เค้าก็นำเสนอผ้าเย็นหอมฉุยให้เราได้เช็ดกำจัดคราบความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง พร้อมบอกว่ามีขนมและน้ำดื่มระหว่างเดินทางไปรีสอร์ทด้วยซึ่งจากสนามบินใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็ถึงแล้วครับ เราเพิ่งรู้ตัวว่าเราโหยหาชีวิตที่ง่ายแบบนี้มากแค่ไหน เมื่อมาถึงเราก็เห็นพนักงานมายืนเรียงแถวต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านหน้าอาคาร French Colonial ที่สวยงามมากๆ อ่อ ลืมบอกไปว่าอาคารทุกหลังในรีสอร์ทนั้นได้รับการคุ้มครองโดย UNESCO ทั้งหมดนะครับ เรารู้สึกราวกับเราเป็นแขกคนสำคัญที่พวกเขารอคอยจะเจอมาทั้งวันเลยล่ะ
คุณบุญชูหัวหน้า Front Office เชิญให้เราเข้าไปนั่งที่โซฟารับรองด้านในเพื่อต้อนรับอย่างเป็นทางการ และให้พนักงานนำน้ำมะขามซึ่งเป็นเวลคัมดริ้งค์มาเสิร์ฟพร้อมเล่าให้ฟังว่ามะขามเป็นต้นไม้มงคลในวัฒนธรรมลาว เราประทับใจกับบรรยากาศภายในล็อบบี้มากเลยครับ ทุกองค์ประกอบถูกเลือกมาอย่างมีรสนิยมและให้ความเคารพต่อศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น แสงธรรมชาติและสายลมที่ไหลผ่านอย่างทั่วถึงยิ่งทำให้อาคารต้อนรับซึ่งประกอบไปด้วยล็อบบี้และห้องอาหารยิ่งน่ารื่นรมย์มากขึ้นไปอีก
Our Room
Amantaka ตั้งอยู่บนที่ดินแปลงมหึมา แต่ถูกออกแบบให้มีห้องพักเพียง 24 ห้องล้อมรอบ Courtyard ขนาดใหญ่ตรงกลาง โดยมีพนักงานคอยดูแลเกือบร้อยชีวิต (นี่ลดลงมาจาก 200 คนในช่วงก่อนโควิดแล้วนะครับ) ห้องของเราเป็น Pool Suite (หมายเลข 12) ที่มีขนาดภายในห้องพัก 71 ตร.ม.และหากรวมพื้นที่สระว่ายน้ำส่วนตัวด้านนอกด้วยก็จะมีขนาดถึง 159 ตร.ม. เลยครับ ส่วนห้องที่ใหญ่ที่สุดในรีสอร์ทนั้นกว้างมากๆถึง 347 ตร.ม. มีชื่อว่า Amantaka Pool Suite ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาเพื่อนๆไปชมด้วยครับ
มาเริ่มที่ Pool Suite ของเรากันก่อนเลยดีกว่า วินาทีที่เปิดประตูเข้าไปสิ่งที่เราสัมผัสได้ก็คือความปรอดโปร่งและสวยงามราวกับถูกพากลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ของยุค French Colonial ในทันที แอร์ในห้องเย็นฉ่ำกำลังดี และกลิ่นดอกมะลิจากเตาน้ำมันหอมระเหยก็ยิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้าเหมือนฝันเข้าไปอีก กรอบประตูสีเทาอมฟ้านั้นเข้ากันอย่างมากกับผนังสีขาว และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มที่ผลิตโดยบริษัทเฟอร์นิเจอร์สัญชาติลาวก็ถูกจัดวางไว้อย่างถูกที่ถูกทางไปหมด
บริเวณ Living Area นั้นเปิดโล่งมีชุดรับแขก โต๊ะทำงาน และมินิบาร์ ด้านขวามือเป็นเตียงสี่เสาพร้อมผ้าม่านบางเบา ถัดลึกเข้าไปเป็นห้องน้ำที่แบ่งโซนได้อย่างดีเยี่ยม แยกเป็นอ่างล้างหน้า 2 ฝั่ง ห้องชักโครก ห้อง Shower และดาวเด่นที่สุดก็คืออ่างอาบน้ำทรงสวยริมหน้าต่างที่เปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ ส่วนด้านนอกก็คือลานระเบียงพร้อมเตียงอาบแดดริมสระส่วนตัวขนาดกำลังดี ขอแย้มไว้นิดนึงว่าหากใช้โค้ด Hop Around จองตรงกับทางรีสอร์ท นอกจากจะได้ส่วนลดจากเรทปกติมากกว่า 50% แล้ว ยังจะได้อัพเกรดห้องพักฟรี พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมายด้วยนะครับ
Amantaka Suite
และนี่คือห้องสวีทท็อปที่สุดของ Amantaka ครับ กว้างขวางถึง 347 ตร.ม. ราวกับได้บ้านทั้งหลังเป็นของตัวเอง ภายในแบ่งเป็นห้องเล็กห้องน้อยซ้ายขวาอีกหลายห้อง เล่นซ่อนแอบกันได้สบายเลย ฮ่าๆๆ ทีเด็ดอยู่ที่ด้านในสุดเพราะเหมือนเราได้ Backyard พร้อมศาลาพักผ่อน และสระว่ายน้ำส่วนตัวที่รวมเป็นเนื้อที่กว้างถึง 45 ตร.ม.เป็นของเราทั้งหมดเลย มีมุมให้นั่งเล่นนอนเล่นเยอะมากครับ
Lunch Time
เริ่มหิวแล้วครับ เราไปกินมื้อกลางวันที่ห้องอาหารของรีสอร์ทกันดีกว่า มื้อแรกที่ลาวเราขอประเดิมด้วย Comfort Food ของลาวที่เราก็แอบคุ้นเคยประมาณนึง เราสั่งตำหมักหุ่ง (หรือบักหุ่งในภาษาไทยอิสาน) แกงหน่อไม้ใส่ใบย่านางสไตล์ลาว (บางท้องที่ในไทยเรียกว่าแกงลาวหรือแกงเปรอะ) มากินคู่กับข้าวผัดไก่ กับบะหมี่เส้นแบนผัด ข้อดีของอาหารที่ Amantaka นั้น นอกจากความกลมกล่อมของรสชาติแล้ว เราก็สบายใจเลยได้ว่าจะไม่ท้องเสียแน่นอน เพราะเชฟจะระมัดระวังอย่างมากในการเลือกใช้วัตถุดิบและวิธีปรุงที่ปลอดภัย แม้สำหรับผู้ที่เคยไม่คุ้นชินกับอาหารท้องถิ่น
The Baci Ceremony
หลวงพระบางเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังคงเข้มข้น นอกจากความเป็นพุทธแล้ว ที่นี่ยังมีความเชื่อผสมเรื่องการบวงสรวงผีสางเทวดาและลัทธิพราหมณ์-ฮินดูด้วย พิธีบายศรีแบบลาว (Baci) ก็คือผลิตผลของการผสมเอาศรัทธาที่หลากหลายเข้าด้วยกัน เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ทาง Amantaka ได้ช่วยจัดการให้เราได้สัมผัสประสบการณ์นี้แบบ Authentic จริงจัง โดยมีการเชิญหมอทำพิธีและผู้หลักผู้ใหญ่ของหลวงพระบางมาประกอบพิธีกรรมพร้อมผูกข้อมือให้กับเราเพื่อปลุกขวัญ เสริมสิริมงคล และปกป้องเราจากสิ่งไม่ดีทั้งปวง หากเพื่อนๆสนใจให้ทางรีสอร์ทจัดพิธีให้ก็สอบถามทาง Reservation ได้เลยครับ
Afternoon Tea at The Library
ห้องสมุดเป็นห้องที่เราชอบมานั่งพักและทำงานเมื่อเข้าพักในรีสอร์ท Aman ทุกๆแห่งที่เคยไปมา เพราะแต่ละที่นั้นมีความสงบสวยงามและมีหนังสือหายากเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่ช่วยเติมแรงบันดาลใจเยอะเลยครับ สำหรับที่ Amantaka นั้นห้องสมุดยังใช้เป็นจุดเสิร์ฟ Afternoon Tea ด้วย มีขนมอร่อยๆที่ทำจากทั้งวัตถุดิบท้องที่และวัตถุดิบนำเข้า พร้อมด้วยชาสมุนไพรหลายชนิด บรรยากาศข้างในที่โปร่งสบายด้วยแสงธรรมชาตินั้นทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก และสำหรับแขกที่จองด้วยโค้ด Hop Around ก็จะสามารถเข้ารับบริการ Afternoon Tea ได้ฟรีในทุกๆวันที่เข้าพักด้วยนะครับ
The Main Pool
เดินออกมาจากห้องสมุดปุ๊บก็เจอ Main Pool ปูกระเบื้องสีเข้มซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Signature ของ Aman ในโซน South East Asia เลยครับ ตรงนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากเล่นน้ำในสระที่ใหญ่กว่าในห้อง หรือจะแค่นอนเล่นจิบดริ้งค์สวยๆริมสระก็ได้เช่นกัน ตกเย็นพนักงานจากห้องอาหารก็จะมาตั้งโต๊ะเตรียมเสิร์ฟมื้อค่ำ และบาร์เทนเดอร์ก็จะนำรถเข็นมาปรุงเครื่องดื่มให้ที่ริมสระด้วย โดยจะมีวงเครื่องดนตรีลาว (คล้ายๆวงดนตรีไทยเดิม) บรรเลงสดๆให้แขกดื่มด่ำในคีตศิลป์ของลาวเคล้าความเลิศรสของอาหารมื้อพิเศษ
Coffee Time
พาชมรีสอร์ทมาพอสมควรแล้ว รู้สึกอยากออกไปแวะซื้อกาแฟซักหน่อย ใกล้ๆกับ Amantaka นั้นมีคาเฟ่อยู่หลายแห่ง เราเลยเลือกร้านใกล้ๆที่ดู Local ที่สุด ชื่อว่า Coffee Express เป็นร้านกาแฟเล็กๆที่เจ้าของชงเอง และมีบึงน้ำอยู่หลังร้านให้เราไปนั่งจิบกาแฟได้ เจ้าของร้านเป็นหนุ่มมาดเซอร์เข้ามาทักทายรับออร์เดอร์ เวลาที่ได้ยินคนลาวเรียกแทนตัวเองว่า “ข้อย” แล้ว ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องปกติของเขา แต่เรารู้สึกว่ามันน่ารักบอกไม่ถูก กาแฟที่นี่รสชาติดีเลย แต่ค่อนข้างคั่วเข้มนะครับ
The Dark (Night) Market
ใกล้ค่ำแล้วเราออกไปเดินชมเมืองกันบ้างดีกว่าครับ ข้อดีมากๆอีกอย่างของ Amantaka ก็คือทำเลครับ เพราะอยู่ใกล้จุดท่องเที่ยวแทบทุกจุดแบบเดินไปได้เลยครับ เย็นนี้เราตัดสินใจเดินไปเที่ยวตลาดนัดกลางคืน (คนที่นี่เรียกว่าตลาดมืด ซึ่งอาจทำให้เราเข้าใจไปเป็นอย่างอื่น ฮ่าๆ) หลังจากกลับมาเปิดเมืองก็จัดกันทุกคืนครับ เดินจากรีสอร์ทมาเพียง 5-10 นาทีก็ถึงเลย บรรยากาศคึกคักมากตั้งแต่หัวถนนเลยครับ เดินถัดไปอีกนิดก็เป็นตัวตลาดนัดซึ่งมีของขายหลายสิ่งอย่างตั้งแต่ของที่ระลึก เสื้อผ้า อาหาร ขนมคาว-หวาน เครื่องเงิน งานไม้ ไปจนถึงงานฝีมือที่ผลิตด้วยโลหะจากระเบิดที่กู้ขึ้นมาตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนามซึ่งว่ากันว่ามีอยู่นับพันนับหมื่นลูกจนทุกวันนี้ก็ยังกู้ไม่หมด นอกจากตลาดนัดแล้ว ยังมีร้านรวงต่างๆในตัวอาคารของย่านเมืองเก่าที่เปิดเรียงรายกันยาวๆไปเลยครับ
The Dinner
เดินตลาดจนเริ่มหิว เราเลยตัดสินใจกลับมากินมื้อค่ำที่รีสอร์ท ข้อดีของเมนูที่ Amantaka ก็คือมีให้เลือกทั้งอาหารลาว และอาหารตะวันตกซึ่งอร่อยมากครับ เราสั่งมาคนละสไตล์แล้วก็มาแบ่งกันชิม จริงๆเราติดใจเมนูซุปของ Aman มาตั้งแต่ทริปไปเที่ยวเสียมเรียบและพักที่ Amansara พอได้มาที่นี่ก็เลยสั่งซุปแบบไม่ต้องคิดเลย หรือถ้าจะรีเควสต์ให้เชฟปรุงอาหารนอกเมนู ก็สามารถแจ้งทางพนักงานได้เช่นกัน ฉะนั้นหากพักที่นี่ก็สบายใจเรื่องอาหารได้เลยครับ เราปิดมื้อกันด้วยของหวานแบบลาว เราปลื้มเมนูที่มีกล้วยกับสาคูมากครับ จำไม่ได้ว่าชื่อเมนูอะไร
The Turndown
กลับห้องพักของเรากันดีกว่าครับ ห้องของเรา Turn Down เรียบร้อย เย็นฉ่ำ หอมฉุยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆบนปลายเตียง ข้างๆมีโน้ตแจ้งว่าพรุ่งนี้จะมีการพ่นยาควบคุมแมลงช่วงเย็น แต่โชคดีที่เรามีโปรแกรมไปเที่ยวข้างนอกเกือบทั้งวันจึงไม่มีผลอะไรกับเรา แน่นอนว่าคืนนี้เราไม่พลาดที่จะนอนแช่อ่างซักหน่อย เพราะแอบเล็งมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว ฮ่าๆ สบายมากเลยครับ คืนนี้ขอนอนก่อน พรุ่งนี้จะพาไปตักบาตรแต่เช้าเลยครับ
Almsgiving To The Monks
อีกหนึ่งภาพจำของหลวงพระบางก็คือการตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้าตรู่ เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในลาวจึงมีพระสงฆ์และเณรอยู่เป็นจำนวนมาก และทาง Aman ก็มีบริการจัดเตรียมอุปกรณ์ใส่บาตรไว้ให้ด้วย (สอบถาม Reservation ได้เลยครับ) หรือจะให้โทรมาปลุกด้วยก็ได้เช่นกันครับ วันนี้เราตื่นมาแต่เช้ามืดเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะเลย
Breakfast
อิ่มบุญแล้ว แต่ท้องเราเริ่มหิวครับ เราเลยเดินตรงเข้าไปที่ห้องอาหาร เราเริ่มคุ้นเคยกับพนักงานเสิร์ฟหลายๆคนแล้ว เพราะเจอกันหลายมื้อ ฮ่าๆๆ วันนี้เราตั้งใจว่าจะลองอาหารเช้าแบบลาว ก็เลยสั่งปาเต้ ซึ่งเป็นแซนวิชขนมปังบาเก็ตต์ไส้หมูยอ ผัก และเครื่องต่างๆเสิร์ฟกับแจ่วบองให้ใส่เพิ่มเอง แซ่บเลยครับ นอกจากนี้เราก็ยังสั่งข้าวต้ม เฝอ และไข่เจียวมาเพิ่มด้วย (ก็กลัวไม่อิ่มนี่นา) ง่ายๆ แต่อร่อยทุกอย่างครับ