InterContinental Phuket Resort จากวรรณกรรม 3 ดินแดน สู่ความแกรนด์บนหาดกมลา
ขอต้อนรับเพื่อนๆสู่ Property ล่าสุดในไทยจากแบรนด์ InterContinental ที่นี่เพิ่งเปิดให้บริการได้เพียง 2 ปีกว่าๆบนทำเลหาดกมลาซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น Millionaires’ Mile แห่งภูเก็ตเพราะเต็มไปด้วยวิลล่าหรูหรามากมาย รีสอร์ทแบรนด์อินเตอร์ฯแห่งนี้กินพื้นที่ครอบคลุม 2 ฝั่งถนน ทั้งฝั่งทะเล และฝั่งภูเขา จึงเป็นที่มาของไอเดียการแบ่งคอนเส็ปต์พื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนคือ แดนบาดาล แดนมนุษย์ และแดนสวรรค์ ซึ่งบริษัท P49 DEESIGN ผู้รับผิดชอบภาพรวมงานดีไซน์นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของไทยอย่างไตรภูมิพระร่วง ป่ะ! ไปชมของจริงกันเลยคร้าบ
The Arrival
ไม่ถึง 40 นาทีจากสนามบินรถของโรงแรมก็พาเรามาถึง Club InterContinental ซึ่งเป็นจุดเช็คอินฝั่งทะเล (แดนบาดาล) เพราะทริปนี้ห้องพักของเราอยู่ใกล้หาด แต่ถ้าหากเพื่อนๆพักฝั่งภูเขา (แดนมนุษย์และสวรรค์) ก็จะได้เช็คอินที่ล็อบบี้หลักของโรงแรมซึ่งอยู่อีกฟากของถนน
Club InterContinental นั้นให้ความรู้สึกเหมือน Lounge พิเศษให้แขกได้นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ คุยงาน หรือจะจิบเครื่องดื่มเพลินๆก็ได้เช่นกัน เมื่อเราได้ที่นั่งในมุมที่ถูกใจแล้ว พนักงานก็เข้ามาต้อนรับพร้อมเมนู Welcome Drink ใช่แล้วครับที่นี่เครื่องดื่มต้อนรับจะมาเป็นเมนูให้เราเลือกตามชอบได้เลย ทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ และอื่นๆ เราชอบบรรยากาศที่ไม่พลุกพล่านของการเช็คอิน Exclusive แบบนี้จัง ระหว่างที่รอเข้าห้องพัก เราขออนุญาตเล่าข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับแบรนด์ InterContinental และรีสอร์ทแห่งนี้ไปพลางๆนะครับ
The Brand Story
ปีถัดมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง คุณ Juan Trippe ผู้บริหารสูงสุดของสายการบิน Pam Am (Pan America World Airways) สายการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น ได้เปิดแบรนด์โรงแรมหรูเพื่อรองรับลูกค้าของสายการบินตามจุดหมายปลายทางต่างๆทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นการต่อยอดทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นการขยายอิทธิพล Soft Power ของอเมริกาให้แผ่ไกลออกไปอีกด้วย เพราะแม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ Pan Am นั้นก็มีภาพลักษณ์ราวกับเป็นสายการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาตลอดช่วงศตวรรษที่ 20
เนื่องจาก Pan Am เป็นสายการบินพาณิชย์แรกของโลกที่มีเที่ยวบินข้ามทวีป (Inter Continental) จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์โรงแรม InterContinental ซึ่งเปิดแห่งแรกที่เมือง Belém ทางตอนเหนือของประเทศ Brazil และภายในเวลาไม่นานก็ได้ขยายออกไปอีกหลายประเทศทั่วโลก นับจากวันนั้นแบรนด์ InterContinental ก็ได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงมานับครั้งไม่ถ้วน และแม้บริษัทแม่อย่าง Pan Am จะต้องปิดตัวไปในปี 1991 แต่แบรนด์ InterContinental ก็ยังคงงอกงามภายใต้บริษัทแม่แห่งใหม่ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี ก่อนที่จะสยายปีกกลายเป็น IHG (InterContinental Hotels Group) ที่มีแบรนด์โรงแรมในเครือถึง 16 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Six Senses, Kimpton และ Holiday Inn เป็นต้น
Our Room
ที่ InterContinental Phuket Resort นั้นมีห้องพักทั้งแบบ Pool Villa และห้องพักมาตรฐานซึ่งก็แบ่งออกเป็นอีกหลายแบบ แต่ห้องพักของเราในวันนี้เป็น Executive Room ที่หันหน้าเข้าหาวิวทะเลอันดามัน ซึ่งมาพร้อมกับสิทธิพิเศษในการเข้าใช้ Club InterContinental ได้ตลอดเวลา และจะมีช่วงเวลาพิเศษที่จะมีบริการอาหารเช้า Afternoon Tea และ Free-Flow Cocktails ที่รวมอยู่ในค่าห้องแล้วด้วยนะครับ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำใกล้ๆกับห้องพักซึ่งสะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยครับ
การตกแต่งห้องนั้นสวยงามตามฉบับ 5 ดาวของ InterContinental มีพื้นที่ประมาณ 43 ตร.ม. กำลังพอเหมาะสำหรับ 2 คน ผนังบานเลื่อนที่กั้นเป็นห้องน้ำนั้นสามารถเปิดโล่งหรือปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ ภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำขนาด Full Size พร้อม Shower Room แยกต่างหาก ส่วน Amenities นั้นเป็นของแบรนด์ HAARN ครับ
Pine Beach Bar
ทิวสนที่เรียงรายอยู่บริเวณหน้าหาดกมลา คงจะเป็นที่มาของชื่อ Pine Beach Bar นี้ และนับวันบีชบาร์แห่งนี้ก็ยิ่งสร้างชื่อให้กับตัวเองจนกลายเป็นอีกหนึ่งในจุดนัดพบที่ป็อปปูล่าร์ที่สุดของเกาะภูเก็ต เพราะที่นี่เค้ามีกิจกรรมพิเศษอยู่เสมอ อย่างเช่นในทุกๆเดือนจะมี 1 วันพิเศษที่ทางรีสอร์ทจะเชิญ Mixologist ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมาผสมเครื่องดื่มเป็นเมนูเฉพาะกิจให้กับลูกค้าได้ดื่มด่ำรสชาติเคล้าบรรยากาศที่ครึกครื้น ณ หาดกมลาแสนสวยแห่งนี้ และวันนี้ก็บังเอิญเป็นวันพิเศษประจำเดือนพอดีเลย
ในวันนี้ทางรีสอร์ทได้เชิญคุณ Federico Balzarini มารับ Guest Shift ผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าที่นี่ได้เอ็นจอย คุณ Federico เป็นหัวหน้าบาร์เทนเดอร์ชาวอิตาเลียนคนใหม่จากร้าน Vesper ซึ่งได้รับรางวัล Asia’s Best Bars 2021 ลำดับที่ 46 จากการจัดอันดับของ The World’s 50 Best
สำหรับที่ PineBeach Bar ในวันนี้คุณ Federico ได้จัดเมนูพิเศษให้เราได้เลือกลิ้มลองถึง 4 เมนู และคราวหน้าในวันที่ 16 เมษายน 2022 จะเป็นคิวของคุณ Gabriel Lowe จากโรงแรม The Standard กรุงเทพฯที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้ แต่หากเพื่อนๆมาที่นี่ ก็จะได้ชิมฝีมือของคุณ Gabriel ก่อนที่กทม.เสียอีก
นอกจากเครื่องดื่มแล้ว Pine Beach Bar ยังมีเมนูอาหารทั้งไทยและเทศให้เลือกกินกันตามชอบได้เลย ไม่ว่าจะอยากอิ่มหนักหรืออิ่มเบามีช้อยส์ให้เลือกหมดครับ อารมณ์ครื้นเครงของที่นี่พาให้เราได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ๆผ่านคุณนิคกี้ PR ของโรงแรม พูดคุยกันสนุกสนานมากครับ ตบท้ายด้วยการแสดงควงไฟของ Local Performers ที่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย ยิ่งได้ฉากหลังเป็นทะเลวิว Sunset แสงสีทองก็ยิ่งทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำยิ่งขึ้นอีก
Earth Hour
ความบังเอิญที่พิเศษอีกอย่างของวันนี้ก็คือเป็นวันที่จะมีกิจกรรม Earth Hour ซึ่งทางโรงแรมจะปิดไฟในจุดที่ไม่จำเป็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และจะจุดเทียนแทน เราจึงถือโอกาสเก็บภาพแสงเทียนสวยๆที่ 1 ปีจะมีสักครั้งมาฝากกันครับ คืนนี้ทางรีสอร์ทวางเทียนเป็นรูปโลโก้ InterContinental ตรงทางเดินสู่อาคารสวรรค์พอดีซะด้วยสิ
Soaking Away The Weariness
วันนี้เราเป็นวันแรกที่เราเพิ่งเดินทางมาถึง แต่กิจกรรมแน่นเลยครับจึงรู้สึกเพลียเล็กน้อย นึกขึ้นได้ว่าที่ห้องมีอ่างอาบน้ำไซส์ใหญ่รอเราอยู่ ก็เลยไม่พลาดครับ ให้น้ำอุ่นและฟองหอมๆนุ่มๆช่วยคลายความเหนื่อยล้าซักหน่อยค่อยสบายตัวขึ้นเยอะเลย วันนี้เราขอพักผ่อนกันก่อน แล้วพรุ่งจะพาไปชมรีสอร์ทต่อครับ
Breakfast At Pinto
ช่วงเวลาอาหารเช้าทำให้เรารู้ว่าแขกของ InterContinental Phuket นั้นเยอะมากจริงๆครับ น่าจะมาจากความแข็งแรงของแบรนด์ระดับโกลบอล เพราะแขกส่วนใหญ่ก็จะเป็นต่างชาติ อาหารเช้าที่นี่จะเสิร์ฟสไตล์ Buffet ไปเลือกตักเอาเองได้ตามชอบเลย เมนูอาหารนั้นมีหลากหลายทั้งไทย สากล ไปจนถึงอาหารท้องที่อย่างปาท่องโก๋ ขนมจีน หรือติ่มซำ
จริงๆแล้วหากเราต้องการรับประทานอาหารเช้าแบบหลบผู้คน ก็สามารถใช้สิทธิ์ที่ Club InterContinental ได้นะครับ ซึ่งจะเป็นอาหาร A La Carte คนละอารมณ์กับที่ห้องอาหารปิ่นโตนี้ แต่พอดีว่าเราอยากพาเพื่อนๆมาดูบรรยากาศอีกฝั่งหนึ่งก็เลยนั่งรถ Buggy ลอดใต้ถนนจากแดนบาดาลมายังฝั่งภูเขาที่เป็นแดนนมนุษย์ (พสุธา) และสวรรค์ เพราะเดี๋ยวกินเสร็จเราก็จะได้ไปเดินสำรวจรอบๆฝั่งนี้กันต่อครับ
A Walk In Paradise
ไปเดินเล่นกันครับ ฝั่งภูเขานี้มีพื้นที่ใหญ่กว่าฝั่งทะเลนะครับ จึงมีมุมให้ปลีกวิเวกมากกว่า Vibe ก็จะสงบกว่าด้วย (ยกเว้นช่วงเวลา Breakfast นะครับ 555) จากฝั่งทะเลในเขตเมืองบาดาล รีสอร์ทได้เจาะอุโมงค์ลอดใต้ถนนพร้อมงานจิตรกรรมฝาผนังฝีมือนักเรียนช่างท้องที่ ซึ่งอุโมงค์นี้ก็เปรียบเสมือนลำตัวพญานาคที่พาแขกข้ามมายังโลกมนุษย์ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Main Lobby ที่อยู่อีกฟากถนนของรีสอร์ท
จาก Main Lobby เราจะสามารถวิวเห็นอาหารทรงไทยประยุกต์สีขาวที่กลายเป็น Icon ของทางรีสอร์ทไปแล้ว หลายคนแซวว่าดูคล้ายวัดร่องขุ่นซึ่งทางผู้ออกแบบก็คงอยากให้มีอารมณ์ความขลังในแนวนั้นเหมือนกันนะครับ เพราะอาคารนี้มีชื่อว่า “สวรรค์” เป็นสัญลักษณ์แทนจุดสูงสุดในรีสอร์ทแห่งนี้ตามธีมที่วางไว้ โดยอาคารสวรรค์นี้ถูกออกแบบให้มีหลังคารูปทรงคล้ายมือที่ประนมซ้อนขึ้นไป 7 ชั้นแทนสวรรค์ชั้นต่างๆนั่นเอง ชั้นล่างของอาคารสวรรค์นั้นเป็นที่ตั้งของ “สติสปา” และชั้นบนจะกลายเป็นร้านอาหาร Fine Dining ในอนาคต แต่ปัจจุบันก็เปิดให้แขกเดินขึ้นไปชมได้ครับ
การวางตำแหน่งสิ่งปลูกสร้างต่างๆนั้นล้วนได้แรงบันดาลใจมากจากตำนานความเชื่อเกี่ยวกับสวรรค์ตามคติผสมผสานแบบพุทธและพราหมณ์-ฮินดู โดยสมมติให้ภูเขาด้านหลังนั้นเป็นเขาพระสุเมรุ มีการจัดพื้นที่สวนเพื่อแทนป่าหิมพานต์ และสระว่ายน้ำเพื่อแทนสระอโนดาต การตั้งชื่ออาคารต่างๆก็เป็นไปตามคอนเส็ปต์เดียวกัน เช่น Wayo (วาโย แปลว่า ลม) Akash (อากาศ) Pasutha (พสุธา แปลว่า แผ่นดิน) หรือ Apo (อาโป แปลว่า น้ำ) เป็นต้น