รีวิว Park Hyatt Bangkok ละเมียด-สงบ-สบายเหนือความวุ่นวายใจ โรงแรมใจกลางเมือง พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
Park Hyatt คือแบรนด์โรงแรมระดับสูงสุดของเครือ Hyatt เปิดตัวครั้งแรกที่เมือง Chicago โดยมีวิวเป็นสวน Jane Byrn Park ที่อยู่ติดกัน จึงเป็นที่มาของชื่อและคอนเส็ปต์ที่ทุก Property ภายใต้แบรนด์ Park Hyatt นั้นจะต้องมีวิวเป็นความเขียวขจี ที่กรุงเทพฯก็เช่นกัน แม้จะอยู่ย่านเพลินจิตแต่ก็สามารถมองเห็นสวนลุมพินีที่อยู่ไม่ไกลได้อย่างชัดเจน วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมา Staycation ที่ Park Hyatt Bangkok กันครับ
Park Hyatt Bangkok นั้นโดดเด่นตั้งแต่รูปลักษณ์อาคารด้านนอกที่มีความ Iconic สูงมาก ฝั่งโรงแรมเป็น Tower สูง 27 ชั้นที่ไหลและบิดเกลียวลงมาเป็นเนื้อเดียวกันกับห้าง Central Embassy ซึ่งมีจำนวนชั้นน้อยกว่าจึงเป็นเหมือนฐานรองรับยอดแหลมของโรงแรม และเมื่อมองมุมบนแบบ Bird’s Eye View ลงมาก็จะเห็นตัวอาคารทั้งหมดเป็นสัญลักษณ์ Infinity หรือเลข 8 อันเป็นมงคลในคติจีน ผิวอาคารด้านนอกประดับด้วยแผ่นอลูมิเนียมที่ทอแสงสะท้อนแดดระยิบระยับสวยงามมากครับ
เมื่อเดินเข้ามาด้านในโรงแรม เราก็รู้สึกได้ทันทีถึงความนิ่งเรียบและเนี้ยบหรูของงานดีไซน์สมัยใหม่ มีดีเทลเส้นโค้งที่ไหลไปตามลักษณะพื้นที่อย่างมีเจตจำนงค์ ผนังทั้งหมดถูกกรุด้วยงานไม้ซึ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นและเป็นหนึ่งเดียวกัน Park Hyatt Bangkok นั้นเลือกเผยความหรูหราด้วยวิธีที่มีชั้นเชิงไม่เอะอะ งานอาร์ทระดับโลกที่หายากหลายชิ้น (ส่วนใหญ่เป็นของสะสมของทางเจ้าของ) ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพถ่าย ไปจนถึงงานประติมากรรม และ Installation ต่างๆนั้นถูกจัดแสดงไว้อย่างถูกที่ถูกทาง ซึ่งก็ยิ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้พื้นที่ “ดูแพง” และมีรสนิยมมากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะในสายตาของแขกที่มีความสนใจในงานศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว องค์ประกอบความเป็นไทยที่มีการลดทอนรายละเอียดลงมาเพื่อความทันสมัยนั้นถูกสอดแทรกอยู่ในจุดต่างๆอย่างประณีตสอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกันกับงานออกแบบภาพรวมของโรงแรม
ที่นี่มีห้องพักถึง 222 ห้องและมีเลย์เอ้าท์แตกต่างกันถึง 57 แบบ เนื่องจากตัวอาคารมีลักษณะเฉพาะตัวจึงทำให้การออกแบบห้องต้องปรับไปตามสภาพพื้นที่ สิ่งที่ดีงามมากๆก็คือขนาดห้องพักที่เริ่มต้นก็กว้างถึง 48 ตร.ม.แล้วซึ่งถือว่าใหญ่มากสำหรับโรงแรมใจกลางเมืองเช่นนี้ครับ และห้องที่ใหญ่ที่สุด (Presidential Suite) นั้นก็มีขนาดถึง 381 ตร.ม.เลยทีเดียว
Our Room
ห้องของเราในคืนนี้เป็นห้องระดับเริ่มต้นซึ่งก็ดีเกินพอสำหรับการค้าง 1 คืนของเราแล้วครับ เปิดเข้ามาปุ๊บก็จะเจอ Foyer ซึ่งเป็นโซนมินิบาร์ไปในตัวด้วยจากจุดนี้หากไปทางซ้ายก็จะเป็นห้องนอน โต๊ะทำงาน ห้องแต่งตัวและเก็บสัมภาระ หากไปทางขวาก็จะเป็นห้องน้ำที่มีทั้งอ่างอาบน้ำและชาวเว่อร์ ที่เราประทับใจก็คือ Amenities กลิ่นหอมฟุ้งโดย Le Labo ส่วนวิวจากห้องนอนก็จะเป็นวิวเมืองแบบเต็มๆจากแยกเพลินจิตเลยครับ มองเห็นทั้งรถไฟฟ้า การจราจรบนท้องถนน ไปจนถึงแนวตึกระฟ้าที่อยู่ไกลออกไป
นอกจากความกว้างขวางแล้ว คุณภาพห้องพักและการตกแต่งก็ได้ใจเราเช่นกันครับ ทุกอย่างจัดวางเป็นสัดส่วนดีมาก การที่ห้องแต่งตัวไม่อยู่ติดกับห้องน้ำอาจจะทำให้โฟลว์สะดุดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เตียงและหมอนนุ่มนอนสบายไม่ปวดหลัง โต๊ะทำงานกว้างมาก เราชอบที่สวิทช์ไฟทุกจุดนั้นมีการระบุไว้ครบว่าเป็นสวิทช์ของอะไร ห้องน้ำก็ถูกใจมากครับ Shower สบายจนไม่อยากอาบเสร็จ และรูปสลักหินลายดอกไม้ที่ผนังห้องน้ำนั้นก็เป็นรายละเอียดที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นหรูหราให้กับห้องพักได้มากเลยครับ
Breakfast
เช้าแล้วเปิดม่านมาพบกับวิวเมืองด้านนอกที่กำลังจะวุ่นวายในอีกไม่ช้า เราไปดูกันซักหน่อยว่า Breakfast ที่นี่เป็นยังไงบ้าง มื้อเช้าของที่นี่จะเสิร์ฟกันที่ Living Room ที่โปร่งสบายด้วยเพดานสูงและแสงธรรมชาติจากทั้ง 2 ฝั่ง เมนูจะมีทั้งแบบ A La Carte ที่สามารถสั่งเพิ่มได้เรื่อยๆ และแบบ Buffet ให้ตักได้เองโดยมีอาหารให้เลือกหลายสัญชาติเลยครับ ตัวเลือก Vegan หรือ Gluten-Free ก็มีให้ครบเช่นกัน เราชอบน้ำผลไม้สกัดเย็นและสมูธตี้มากครับ สั่งเบิ้ลมาหลายแก้วเลย
Pool
สิ่งหนึ่งที่ Park Hyatt Bangkok แตกต่างจาก Park Hyatt แห่งอื่นๆในโลกก็คือสระน้ำครับ เราเองก็แปลกใจที่ได้รู้ว่าที่นี่เป็น Property เดียวในโลกของแบรนด์ Park Hyatt ที่มีสระกลางแจ้ง ขนาดอาจจะไม่ใหญ่มากแต่ก็เพียงพอที่จะให้บริการกับแขก ช่วงที่เราเข้าพักนั้นก็มี Occupancy เกือบ 100% แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆเลย เราชอบเตียงอาบแดดที่เรียงเป็นขั้นบันไดเป็นพิเศษครับ เพราะรู้สึกเป็นส่วนตัวกว่าแบบที่วางอยู่ในระดับเดียวกัน
PAÑPURI ORGANIC SPA
สปาของ Park Hyatt Bangkok นั้นให้บริการร่วมกับปัญญ์ปุริ แบรนด์สปาอันดับต้นๆของไทยและสิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือแขกของโรงแรมสามารถเข้ามาใช้บริการห้องสตีม และแช่บ่อน้ำร้อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ วันนี้เราก็เลยถือโอกาสแช่น้ำร้อนกันจนสบายตัวเลย ส่วนห้องชาวเวอร์ของที่นี่สามารถเลือกอุณหภูมิได้ตั้งแต่อุ่นไปจนถึงเย็นจัดซึ่งมาพร้อมกับกลิ่นตะไคร้หอมๆด้วย
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ Staycation ของเราที่ Park Hyatt Bangkok ในครั้งนี้ เพื่อนๆรู้สึกละเมียด-สงบ-สบายเหมือนเราไหมครับ หลังจากเช็คเอ้าท์แล้วเราขอเพิ่มคำว่า “สะดวก” เข้าไปอีก 1 คำ เพราะเดินลงมาปุ๊บก็ช็อปปิ้งต่อที่ Central Embassy ได้เลย :-)
Comments