Silavadee Pool Spa Resort รีวิวศิลาวดี รีสอร์ท สมุย
และโขดหินที่นี่นั้นก็เกลี้ยงเกลางดงามสมชื่อ ยิ่งเมื่ออยู่เคียงคู่กับน้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายขาวละเอียด และต้นไม้เขียวชอุ่มนานาพันธุ์ เสน่ห์ของรีสอร์ทหรูบนเกาะสมุยแห่งนี้ก็ยิ่งถูกยกกำลังขึ้นไปอีกหลายขุม แต่แล้วจู่ๆเราก็เห็นภาพ Flashback เป็น MV เพลง Party ของวง Girls’ Generation ขึ้นมาซะอย่างนั้น อ่อ... ก็ที่นี่เป็นโลเคชั่นถ่ายทำ MV เพลงนั้นจริงๆซะด้วย
ตั้งอยู่บนปลายแหลมหนันทางทิศตะวันออกของเกาะสมุย ศิลาวดีถือเป็น Exclusive Luxury Hideaway ที่เป็นดั่งสวรรค์สำหรับผู้ปรารถนาความสงบหลบความวุ่นเข้าสู่อ้อมกอดอันงดงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ศิลาวดียังเป็นรีสอร์ทแบรนด์ไทย 100% และมีอยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น จึงทำให้ประสบการณ์เข้าพักของเราครั้งนี้ยิ่งมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร
The Arrival
รถของศิลาวดีมารอรับเราตั้งแต่มาถึงสนามบิน และใช้เวลาเดินทางไปยังตัวรีสอร์ทประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เราได้ยินมาว่าน้ำส้มคั้นสดที่มีเตรียมไว้ต้อนรับเราบนรถนั้นอร่อยชื่นใจมาก ก็เลยไม่รอช้าขอเปิดชิมดูเลยก็แล้วกัน อุ้ย! อร่อยจริงด้วย งั้นหมดขวดเลยก็แล้วกันเนอะ ฮ่าๆๆ ช่วงที่เรามาถึงฟ้าฝนคงอยากโปรยปรายเป็นฤกษ์เย็นเพื่อมาต้อนรับเรา ก็ชุ่มชื่นกันอีกแบบครับ
หลังจากดื่ม Welcome Drink เป็นน้ำสมุนไพรสดชื่นเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็เป็นธุระช่วยเรากรอกข้อมูลเช็คอินจนเสร็จสรรพ พร้อมแนะนำให้ดาวน์โหลด App เฉพาะของทางรีสอร์ทที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกตลอดการเข้าพักของเรา ธรรมชาติและเทคโนโลยีนั้นเข้ากันได้ดีมากที่ศิลาวดีครับ
Our Villa
เราพร้อมที่จะนั่งรถ Buggy ไปที่วิลล่าของเราแล้วครับ ทางขึ้นลงเนินบางจุดชันมากเหมือนกับได้นั่งรถไฟเหาะแบบย่อมๆ สนุกมากเลย พนักงานแจ้งว่าทางรีสอร์ทนั้นมีนโยบายให้รักษาสภาพดั้งเดิมของธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด และตอนก่อสร้างก็ไม่มีการตัดต้นไม้ใหญ่เลย
ในบรรดาห้องพัก 80 ห้อง มีเพียง 4 ยูนิตเท่านั้นที่ได้ชื่อว่า Oceanfront Pool Villa Suite และเราก็โชคดีที่ได้เข้าพักหนึ่งในวิลล่าที่ดีที่สุดของรีสอร์ททั้งหมดเลยทีเดียว ซึ่ง Oceanfront Pool Villa Suite นี้เป็นวิลล่าไซส์ใหญ่พิเศษประมาณ 300 ตร.ม. เห็นวิวทะเลเต็มๆจากซ้ายไปขวาเท่าที่ตาจะมองเห็น มาพร้อมกับสระว่ายน้ำ Infinity ฟรีฟอร์มที่แทบจะมองเห็นเป็นเนื้อเดียวกันกับท้องทะเลที่อยู่ไกลออกไป นอกจากนี้ยังมีเรือนนั่งเล่นพร้อมห้องน้ำในตัวแยกออกไปอีกหลัง ซึ่งหากมาหลายคนก็สามารถแปลงเรือนนั่งเล่นนี้ให้เป็นเรือนนอนเพิ่มได้ด้วย ใครอยากเข้าพักตามรอยเรา วิลล่าของเราคือวิลล่าหมายเลข 4 นะครับ เราไปชมรูปมุมต่างๆในวิลล่าของเรากันดีกว่าครับ
In-Villa Afternoon Tea
ฟ้าฝนเจ้ากรรมยังคงโครมครามดีใจกับการมาถึงของเราไม่หยุด เรารู้สึกเกรงใจพนักงานของทางรีสอร์ทเหลือเกินที่ต้องฝ่าฝนเอาเซ็ต Afternoon Tea มาจัดให้เราถึงในวิลล่า ซึ่งเซ็ตชายามบ่ายของที่นี่นั้นอุปกรณ์มาเต็มมากครับ ขนมทั้งคาวหวานและเครื่องดื่มทั้งร้อนเย็น (มีชาชักด้วย อร่อยเข้มมากฮะ) และบริการของพนักงานนั้นก็ไม่ยอมให้ขาดตกบกพร่องเลย ต้องขอขอบคุณอีกครั้งครับ จิบชาครึ้มๆแบบนี้ก็มูดดี้ดีไปอีกแบบนะครับ มี Background เป็นทะเลสวยขนาดนี้ ถ้าฟ้าเปิดคงบรรเจิดมากเลยล่ะ
Lazing Around The Villa
เราถือโอกาสช่วงฝนตกแบบนี้ใช้พื้นที่ห้องจนคุ้มเลยล่ะครับ เราค้นพบว่าเรือนนั่งเล่นนี่เป็น Perfect Spot ในการทำงานมากครับ เราเพลินกับการนั่งทำงานสลับกับพูดคุยเถลไถลและดูวิวทะเลเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกทีก็เกือบเย็นแล้ว เคลียร์งานไปได้เยอะเหมือนกันแบบงงๆ และมื้อเย็นนี้เรามีนัดดินเนอร์กันที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ทครับ
Dinner For Two
ศิลาวดีมีห้องอาหาร 3 สไตล์ด้วยกัน คือ Sun, Moon และ Star โดยทั้ง 3 ห้องนั้นอยู่กันคนละชั้นในอาคารเดียวกัน เริ่มที่ชั้นล่างสุดกับห้องอาหาร Sun ซึ่งมีลักษณะสบายๆกึ่งๆคาเฟ่ริมสระน้ำ เพราะตรงนี้มีหนึ่งในสระหลักของรีสอร์ทอยู่ด้วย ขยับขึ้นมาอีกชั้นเป็นห้องอาหาร Moon ซึ่งเป็นห้องอาหารของศิลาวดี ใช้เสิร์ฟอาหารทุกมื้อ โดยเฉพาะเบรคฟัสต์ที่จะคึกคักเป็นพิเศษ ส่วนชั้นดาดฟ้านั้นเป็น Roof Top Bar ชื่อว่า Star
ตามกำหนดแล้วมื้อนี้ทางรีสอร์ทจะมีบริการนำเอาอุปกรณ์บาร์บิคิวมาปิ้งย่างให้เราตรงบริเวณสระว่ายน้ำในวิลล่าของเราเลย แต่เนื่องจากยังมีฝนปรอยๆ ทางรีสอร์ทจึงขอชดเชยด้วยการปิดห้องอาหาร Sun เพื่อให้บริการเรา 2 คนโดยเฉพาะ ไม่เพียงเท่านั้นยังส่ง Head Chef (เชฟปมณฑ์) มาปรุงอาหารให้เราด้วย เชฟบอกว่าปกติเชฟจะปรุงให้เฉพาะแขก VIP เท่านั้นเราประทับใจกับความทุ่มเทในการบริการของศิลาวดีมากครับ และรสมือของเชฟปมณฑ์ก็สมกับตำแหน่ง Head Chef มากเลยครับ เชฟถามเราว่าชอบกินอาหารใต้มั้ย กินเผ็ดได้มั้ย เพราะอยากจะทำให้กินในมื้อกลางวันพรุ่งนี้ด้วยรสมือคนใต้แท้ๆ (เชฟเป็นคนสงขลา) เรารีบบอกเลยว่าเราชอบมากๆ อดใจไม่ไหวเลยครับ
Bath Time
หลังจากอิ่มอร่อยแบบไพรเวทเรียบร้อยแล้ว เราก็เรียกให้รถ Buggy กลับมาส่งที่วิลล่า พอเดินเข้าห้องน้ำก็นึกขึ้นได้ว่าเรามีอ่างอาบน้ำมหึมาอยู่ในห้องนี่นา ไหนๆก็ไหนๆคงต้องแช่แล้วแหละเนอะ เราไม่รีรอตรงเข้าไปเปิดน้ำอุ่นเติมในอ่างแล้วใส่สบู่ตีฟองจนฟูฟ่อง แช่น้ำอุ่นจนสบายไปทั้งตัวก็ได้เวลานอน คืนนี้หลับสนิทแน่นอนครับ
Breakfast Buffet
เช้านี้เรามีนัดทานบุฟเฟ่ต์อาหารเช้ากันที่ห้องอาหาร Moon อาหารเช้าที่นี่นั้นมีครบทุกหมวดหมู่คาวหวาน ทั้งแบบ Local ไม่ว่าจะเป็นปลากะพงนึ่งขิง โรตีแกงมัสมั่น ไปจนถึงหมูปิ้งที่เราคุ้นเคย หรืออาหารอินเตอร์ทั้งแบบพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นจานไข่นานาชนิด ชีส โคลด์คัท ไปจนถึงเมนูพิเศษอย่าง Lobster Roll แต่ที่นี่ใช้กุ้งสดๆจากทะเลท้องที่แทน Lobster นะครับ แต่เขามีคาร์เวียร์โปะมาให้ด้านบนด้วย อาหารเช้าที่นี่มีหลากหลายมากจริงๆครับ ที่เห็นในรูปคือแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ปล.เราชอบน้ำผลไม้ของที่นี่ที่คั้นจากผลไม้สดๆเลย
Silavadee Spa
ไปนวดกันครับ วันนี้เราเลือกนวดไทยกันที่สปาของศิลาวดี ความแตกต่างระหว่างการนวดไทยทั่วไป กับการนวดไทยที่ดีเยี่ยมที่สปาแห่งนี้นั้นนอกจากความรู้ในเรื่องเส้นและกายวิภาคต่างๆของหมอนวดแล้ว ยังอยู่ที่ความตั้งใจในการลงน้ำหนักอย่างเป็นจังหวะด้วย เรารู้สึกถึงเจตจำนงค์ในทุกๆการกดของพี่ Therapist ของเราได้เป็นอย่างดี สบายจนเผลอหลับไป (ปกติเราจะไม่ค่อยหลับเวลานวดไทย เพราะต้องขยับตัวตลอดเวลา)
ใจจริงเราตั้งใจอยากจะลองคอร์ส Silavadee Journey ซึ่งเป็นการผสานเทคนิค Lomi Lomi แบบฮาวายกับ Shirodhara แบบอินเดียไว้ด้วยกันจนเป็น Signature Treatment ของที่นี่ แต่เนื่องจากเวลาที่เราว่างไม่ตรงกับ Therapist จึงชวดไปอย่างน่าเสียดายครับ
Local Lunch. Masterfully Prepared.
ถึงเวลามื้อกลางวันแบบใต้แท้ๆโดยฝีมือชั้นครูของเชฟปมณฑ์คนเดิม วันนี้เชฟจัดน้ำชุบโจรพร้อมผักเครื่องเคียง ใบเหลียงผัดไข่ ไก่บ้านต้มขมิ้น แกงเหลืองกะพงออดิบ สะตอผัดกะปิกุ้งหมูสับ และปลาทรายทอดขมิ้นมาให้เรา เป็นอาหารใต้ทั้งถึงเครื่องและกลมกล่อมพอดิบพอดี อร่อยมากครับ ตบท้ายด้วยโรตีหวานมัน ฟินพุงยาวๆ รสมือเชฟนั้นยอดเยี่ยมสมกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาเลยครับ เชฟเล่าให้ฟังว่ากำลังวางแผนนำประสบการณ์ Fine Dining มาสร้างความประทับใจเพิ่มเติมให้กับแขกของศิลาวดีด้วย หวังว่าเราจะได้กลับมาลิ้มรสอาหารละเมียดรสมือเชฟอีกครั้งนะครับ
Our Pool
เราตั้งตาคอยที่จะลงสระน้ำที่วิลล่าของเราตั้งแต่แรกเห็น และในที่สุดอากาศก็เริ่มจะเป็นใจ เพราะฝนหยุดตกแล้ว แม้จะยังครึ้มๆแต่เราก็ไม่รีรอที่จะฉวยโอกาสนี้ไว้ เพราะไม่รู้ว่าฝนจะกลับมาอีกทีเมื่อไหร่ สระน้ำ Infinity ฟรีฟอร์มของเรานั้นมาพร้อมกับมุมเตียงจากุซซี่ที่มีหัวเจ็ทพ่นน้ำนวดตัวด้วย และเราก็ชอบที่สระส่วนตัวของเรามีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถลงเล่นกันได้แบบหลวมๆ 3-4 คนสบายๆ ที่สำคัญคือวิวสวยมาก น้ำทะเลสีฟ้าอ่อนๆที่เป็นเสน่ห์ของสมุยนั้น แทบจะเนียนเป็นสีเดียวกันกับสระของเรา ยิ่งตัดด้วยโขดหินสวยๆนั้นก็ยิ่งทำให้ถ่ายรูปขึ้นสุดๆเลยครับ
Seafood Extravaganza
มื้อค่ำวันนี้มาใน Theme อาหารทะเลที่พรีเซ้นต์เน้นความอลังการ ขนมาหมดทะเลทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ถาดใหญ่กว่าโต๊ะไปอีก มีทั้งแบบสด แบบย่าง พร้อมน้ำจิ้มให้เลือกหลายแบบ ใครมาสมุยแล้วต้องการอาหารทะเลสดๆ ก็คงไม่มีอะไรตอบโจทย์ไปกว่านี้แล้วครับ